ซีอีโอคนใหม่”หัวเว่ย”ย้ำพันธกิจดันไทยเป็นฮับดิจิทัลอาเซียน

07 ก.พ. 2566 | 18:29 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2566 | 18:38 น.

หัวเว่ย ตั้งซีอีโอใหม่ “เดวิด หลี่” สานต่อภารกิจสร้างการเติบโตให้ประเทศไทย พร้อมผลักดันไทยสู่ดิจิทัลฮับอาเซียน และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)  ประกาศแต่งตั้ง นายเดวิด หลี่ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ต่อเข้ามารับไม้ต่อจากนายอาเบล เติ้ง  ซึ่งขยับขึ้นไปเป็นรองประธานบริหารระดับภูมิภาค ของหัวเว่ย โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมาหัวเว่ย ได้มีส่วนร่วมผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน 5G, คลาวด์, พลังงานดิจิทัล และอีโคซิสเต็มด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ ในประเทศไทย  

ซีอีโอคนใหม่”หัวเว่ย”ย้ำพันธกิจดันไทยเป็นฮับดิจิทัลอาเซียน

ภายใต้การบริหารของ นายเดวิด หลี่ ยังมุ่งสานภารกิจเดิม แต่มุ่งเน้นเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และยกระดับศักยภาพบุคลากรไอซีที พร้อมมุ่งผลักดันพันธกิจ “เติบโตพร้อมกับประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย (Grow in Thailand, Contribute to Thailand)” อย่างต่อเนื่อง  และมุ่งผลักดันไทยขึ้นสู่การขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียนและผลักดันภาคอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่าหัวเว่ยยังคงเดินหน้าผลักดันไทยให้ขึ้นสู่การขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียนและผลักดันภาคอุตสาหกรรมอัจฉริยะ โดยเริ่มจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ผ่านการใช้เครือข่ายไฟเบอร์เพื่อเชื่อมต่อทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน และจะขยายความครอบคลุมของโครงข่ายเข้าไปในพื้นที่ห่างไกล

“ในปีนี้เราจะมุ่งขยายความครอบคลุมของโครงข่ายแบบไฟเบอร์ในชนบทของประเทศไทยและทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการ 5G ที่มีคุณภาพและมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ รวมถึงสนับสนุนด้านการสร้างความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้และหลักปฏิบัติให้แก่หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในไทย และลูกค้าของเรา รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลให้แก่โครงสร้างพื้นฐานไอซีทีในไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่อีโคซิสเต็มด้านไซเบอร์ของประเทศ”

ด้านการปกป้องข้อมูล หัวเว่ยจะช่วยสนับสนุนธุรกิจและสตาร์ทอัพต่าง ๆ ในไทยให้มาปรับใช้คลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นไปตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับดัชนีความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับโลก (GCI) ให้แก่ประเทศ

และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงเป้าหมายของหัวเว่ยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เพียงความสำเร็จทางธุรกิจ  แต่ยังให้ความสำคัญถึงคุณค่าทางสังคมและการบ่มเพาะบุคลากรในประเทศ   โดยปีนี้ หัวเว่ย ประเทศไทยจะมุ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการสร้างบุคลากรไอซีทีในไทย โดยเฉพาะการมุ่งฝึกอบรมนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้ได้ถึง 20,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี ผ่านการส่งมอบใบรับรองและต่อยอดโครงการด้านการฝึกอบรมต่าง ๆ ของหัวเว่ย เช่น โครงการบ่มเพาะธุรกิจเอสเอ็มอี Spark Ignite โครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมซึ่งจะต่อยอดให้ครอบคลุมในพื้นที่ 10 จังหวัด ฝึกอบรมนักเรียนให้ถึง 2,000 คน งานสัมมนา Talent Talk เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลจากภาคส่วนต่างๆ และโครงการ Seeds for the Future ที่จะมีทั้งการฝึกอบรม มอบทุนการศึกษา และการแข่งขันในกลุ่มเยาวชน เพื่อให้แรงงานไทยมีทักษะด้านดิจิทัล มีคุณภาพ และมีความพร้อมสำหรับตลาดดิจิทัลของไทยในอนาคต

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาว่า หัวเว่ยได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยมาโดยตลอด ครอบคลุมทั้งด้านการผลักดันโครงข่ายและการประยุกต์ใช้ 5G ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ลงทุน 1.4 พันล้านบาท ตั้งศูนย์ข้อมูลคลาวด์ในไทย 3 แห่งและการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 300 ราย การนำโซลูชันเข้าประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมของไทยกว่า 10 ประเภท การผลักดันพลังงานดิจิทัลเพื่อช่วยสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย การร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการมีส่วนร่วมพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีไทยกว่า 60,000 ราย

นายเดวิด หลี่  กล่าวต่อไปว่า  หัวเว่ยจะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและนักพัฒนาที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย โดยเฉพาะนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้าน “คลาวด์” และ “พลังงานดิจิทัล”

เดวิด หลี่ เข้าร่วมงานกับหัวเว่ย ตั้งแต่ปี 2545 ในตำแหน่งวิศวกรแผนกวิจัยและพัฒนา จากการสั่งสมประสบการณ์ในอุตสาหกรรมไอซีที ผนวกกับความสามารถในการบริหารธุรกิจของหัวเว่ยในตลาดหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะผู้บริหารมากประสบการณ์ซึ่งโดดเด่นด้านการบริหารจัดการทีมงานในประเทศต่างๆ ทั้งในฐานะประธานกรรมการบริหารของตลาดประเทศกัมพูชาและอินเดีย

ทั้งนี้ เขายังมีความเชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนธุรกิจของหัวเว่ยในตลาดหลายประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการของบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เขาจะนำความเชี่ยวชาญ ความเป็นผู้นำ และประสบการณ์การทำงานหลายสิบปี มาสานต่อพันธกิจ “เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย” เพื่อนำประเทศไทยสู่การเชื่อมต่ออัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเติบโตด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน