พลตำรวจโท ดร. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวว่า “ในปัจจุบันอาชญากรรมมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้กระทำผิดมีแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมมากขึ้นส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
ความร่วมมือกับบริษัทหัวเว่ยฯ ในครั้งนี้จะเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้นักเรียนนายร้อยตำรวจมีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และเติบโตขึ้นไปเป็นตำรวจมืออาชีพทำงานเชิงรุกเพื่อความสงบสุขของประชาชนตามวิสัยทัศน์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป"
นายเควิน เฉิง ประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในนามของหัวเว่ย ประเทศไทย ผมขอขอบคุณโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ไว้วางใจให้หัวเว่ยได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีที การลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านโรงเรียนนายร้อยตำรวจสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีเป็นหัวใจหลักในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนในระยะยาว”
พร้อมเสริมว่า “ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ หัวเว่ยมีความยินดีที่จะสนับสนุนโรงเรียนนายร้อยตำรวจผ่านนวัตกรรมไอซีทีล่าสุด ผลักดันให้คณาจารย์และนักเรียนประสบความสำเร็จและได้รับประกาศนียบัตรมาตรฐานวิชาชีพของหัวเว่ย (Huawei Certification) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในวงกว้าง ช่วยให้ประเทศมีบุคลากรที่มีความสามารถในระดับสูง เพื่อรับมือกับความท้าทายของการพัฒนาใหม่ ๆ ด้านไอซีทีได้ดียิ่งขึ้น”
การลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Talent) ร่วมกัน ได้รับเกียรติจาก พลตำรวจโท ดร. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ นายเควิน เฉิง ประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ลงนาม โดยมี พลตำรวจตรี ภัทรภวัต สุขแสง ผู้บังคับการ ศูนย์บริการทางการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นายไทเกอร์ เฉิน รองประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และคณะผู้บริหารของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และผู้บริหารระดับสูง จาก บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีฯ ที่จัดขึ้น ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ภายใต้กรอบความร่วมมือระยะเวลาสองปี ทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยน เสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์และข้อมูลในการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน รวมถึงการจัดฝึกอบรม ประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ก้าวทันความรุดหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน