บี.กริม ผนึก กลุ่มทรู ทรานฟอร์มธุกิจพลังงานนำเครือข่ายอัจฉริยะสู่ดิจิทัล

28 มี.ค. 2565 | 17:21 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มี.ค. 2565 | 00:35 น.

บี.กริม ผนึก กลุ่มทรู ยกระดับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ สนับสนุนสตาร์ทอัพไทยขับเคลื่อนระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ และสร้างโซลูชันเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน

วันนี้ 28 มีนาคม 2565-บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลัง บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจพลังงาน เตรียมความพร้อมด้านดิจิทัลต่อยอดสู่การสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ มุ่งส่งเสริมศักยภาพการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้กับภาคเอกชนและสตาร์ทอัพยุคใหม่ ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานยุคดิจิทัล ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อนำเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ที่ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ยังสร้างคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ 

สอดรับกับหนึ่งในยุทธศาสตร์ของบี.กริม ที่มุ่งมั่นพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ ดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวและสร้างคุณค่าให้กับสังคม พร้อมก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก 


ด้านนายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับ บี.กริม บริษัทผู้นำธุรกิจผลิตพลังงานครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของกลุ่มทรูที่ได้มีโอกาส ร่วมทรานสฟอร์มธุรกิจพลังงานของไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดย บี.กริม และ กลุ่มทรู จะทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์

นำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลครบวงจรของกลุ่มทรู รวมทั้งอัจฉริยภาพของเครือข่ายทรู 5G ต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและตอบโจทย์การใช้พลังงานทั้งในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม รองรับเทรนด์การใช้พลังงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม 


ทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย เติมเต็มวิสัยทัศน์และสนับสนุนพันธกิจของ บี.กริม ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค


ทั้งนี้ บี.กริม และ กลุ่มทรู ได้ร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมดิจิทัลด้านพลังงาน ผ่านการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 4 ด้าน ประกอบด้วย

 

1.การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้วยพลังงานอัจฉริยะ ความร่วมมือในการศึกษาและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) เชื่อมโยงกระบวนการซื้อ-ขายไฟฟ้าทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน มุ่งสู่การเป็น Smart City และ Smart Energy - Smart Building โดยมีอาคารอัจฉริยะและอาคารประหยัดพลังงานของ บี.กริม เป็นอาคารต้นแบบในการทดสอบระบบ ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การให้บริการลูกค้าภายนอกในอนาคต  


พร้อมพัฒนาโซลูชันสำหรับอาคารประหยัดพลังงานแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด การนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ โซลูชัน Property Integration System และ True Smart Energy ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G รวมถึงการออกแบบระบบภายในอาคารให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ 

2. การพัฒนาโครงการนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G สร้างองค์ความรู้ ศึกษา และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม Smart Grid ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G  ที่จะยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าไทย ภายใต้แนวคิด Industrial 4.0, Facility 4.0 และ Smart Industrial Estate 


เพื่อให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพภายในพื้นที่สำนักงานและนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลของ บี.กริม ซึ่งระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เป็นการผสานการทำงานของเทคโนโลยีสื่อสารและดิจิทัลเข้ากับระบบไฟฟ้าแบบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การส่ง และ การจำหน่ายไฟฟ้า จนถึงผู้ใช้ไฟฟ้า ทั้งภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม  


โดยใช้เทคโนโลยี IoT ในการผลิต การติดตั้ง และบำรุงรักษาที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงทำนาย (Predictive Analytics) เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนได้ล่วงหน้า และเทคโนโลยีการเรียนรู้ ของเครื่องจักร (Machine Learning) ช่วยป้องกันชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย 


พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดี สะดวก รวดเร็ว และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงกับความต้องการและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ


3.การพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในประเทศไทยร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ ด้วยความร่วมมือกับ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในการส่งเสริมสตาร์ทอัพผ่านกิจกรรม Hackathon ที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยี


ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ตลอดจนเปิดพื้นที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จัดประชุมสัมมนาเชิงสร้างสรรค์ พร้อมโอกาสการลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในระบบนิเวศของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านดิจิทัล ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานของไทยให้พัฒนาก้าวหน้าอย่างยั่งยืน


4.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันในการให้บริการพลังงานไฟฟ้าหลักหรือระบบไฟฟ้าสำรอง รวมถึงระบบจัดการความเย็นที่มีประสิทธิภาพ สำหรับศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ของทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ตลอดจนสร้างโซลูชันเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน 


เพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน พร้อมช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ทรูไอดีซี ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ในประเทศไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Data Center) และมีความยั่งยืนในการส่งมอบบริการให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชน


ความร่วมมือกับกลุ่มทรูในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังส่งเสริมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของ บี.กริม ในการก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างประโยชน์สู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวสรุป