กลุ่มเจมาร์ท ประกาศวิสัยทัศน์ก้าวสู่ Technology Investment Holding Company

05 ม.ค. 2565 | 09:53 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2565 | 17:16 น.

กลุ่มเจมาร์ท ประกาศติดปีกธุรกิจปี 65 ดัน All Time High ต่อเนื่อง ประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจก้าวสู่ Technology Investment Holding Company (T-IHC)

นายอดิศักดิ์ สุขมุวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) เปิดเผยว่า สำหรับในปี 2565 บริษัทฯได้วางวิสัยทัศน์องค์กรก้าวสู่ Technology Investment Holding Company (T-IHC) JMART GROUP ภายใต้ Synergy Chapter 7 และต่อยอดพันธมิตรดันเป้าหมายเพื่อทำ All Time High ได้ต่อเนื่องในปี 2565 นอกจากนี้บริษัทฯได้เปิดโครงการลงทุนในกลุ่มธรุกิจค้าปลีกและการเงินในกลุ่มบริษัทอีกไม่น้อยกว่า 2-3ดีลอย่างต่อเนื่อง
 

“ในปี 2564  ที่ผ่านมากลุ่มเจมารท์ ประสบความสำเร็จ เป็นปีแห่งการผนึกพันธมิตรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ถัดจากนี้เทคโนโลยีจะสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัท พร้อมประกาศวิสัยทัศน์การทรานฟอร์มเป็น Technology Investment Holding Company (T-IHC)”
 

นายอดิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พันธมิตรที่เข้ามาร่วมต่อจิ๊กซอว์กับกลุ่มเจมารท์ ได้แก่ บริษัท KB Kookmin Card - TIS Inc. และบริษัทภายใต้กลุ่มBTS โดย บริษัท วีจีไอ จำกัด  (มหาชน)(VGI)และ บริษัท ยูซิตี้จำกัด (มหาชน)(U City) นอกจากนี้ ยังขยายธุรกิจร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) ผู้นำด้านพลังงานทดแทน ด้าน JMT บริษัทลูก เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทนุกับบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย(KBank) อีกด้วย


อดิศักดิ์ สุขมุวิทยา


 

ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจ บริหารหนี้มีการเติบโตอย่างชัดเจน ดังนั้นในปีนี้บริษัทมองว่าสถาบันการเงินจะมีการขายหนี้ออกมาจำนวนมาก หลังลูกค้าได้รับผลกระทบจาการแพร่เชื้อโควิด 19 จะมีการรขายหนี้ออกมาจำนวนมาก หลังลูกค้าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดจึงวางงบซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นในปี 65 เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า10,000 ล้านบาท 
 

โดยงบลงทุนมาจาการการเงินที่ได้รับจาการเพิ่มุนพร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตในระดับ 45% ทำนิวไฮต่อจากการซื้อหนี้เข้ามาบริการและการเก็บเงินสด (Cash Collection) ที่สูงขึ้น
ล่าสุด JMT ได้เปิดดีลร่วมลงทุนกับบริษัทในนกลุ่มธุรกิจ ทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANKโดยผ่านบริษัทลูกของ KBANK เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจร่วมกันในธุรกิจให้บริการงานติดตามหนี้และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้วยคุณภาพและคาดจะเห็นการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติมจากธุรกิจปัจจุบันของของ JMTผ่านการจับมือพันธมิตรรายใหม่ในปีนี้

กลุ่มเจมาร์ท ประกาศวิสัยทัศน์ก้าวสู่ Technology Investment Holding Company

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ในปี 65 SINGER มั่นใจจะสามารถทำผลงานAllTimeHigh ได้ต่อเนื่องด้วยเป้าหมายการเติบโตของกำไรสุทธิในระดับ 75% จากปี 64 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จทำกำไรสูงสุดมีการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hirepurchase:HP) และพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) เติบโตทะลุเป้าหมาย10,50 ล้านบาทปี ดังนั้นในปี 2565 คาดพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 15,500 ล้านบาทควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนการเงินที่มีจุดแข็งกระจายทั่วประเทศตั้งเป้าขยายแฟรนไชน์รวมกันแตะ 7,000 แห่งเป็นฐานกำลังสำคัญในการบุกตลาดค้าปลีกที่แข็งแกร่งที่สุด และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับ BTS Group และพันธมิตร
 

นอกจากนี้ไฮไลท์ของ SINGER ในปี 65 เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อด้วยข้อจำกัดต้นทุนการเงินที่ลดลงยังมีนัยสำคัญจากการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SINGERจะเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี65
 

ขณะที่นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 65 เดินหน้าขยายอาณาจักรพื้นที่เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งปัจจุบันมี 4 ธุรกิจหลักประกอบด้วยธุรกิจ ITJunction ธุรกิจศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์ ณ สิ้นปี 64 มีจำนวน 5 แห่งและมีอัตราเช่าพื้นที่ (Occupancyrate) อยู่ในระดับสูงกว่า 95%
 

โดยตั้งเป้าจะมีอัตราพื้นที่ให้เช่า 100,000 ตารางเมตรภายใน 3 ปี และล่าสุดเข้าสู่ธุรกิจสู่ธุรกิจที่เป็น Mega เทรนของประเทศคือ Health Care and Service สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุภายใต้แบรนด์  “SENERA” โดยจะเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าชุมชน JAS GREEN VILLAGE-KUBON เป็นที่แรก ภายในสิ้นปีนี้พร้อมโฟกัส “SENERA” เป็นธุรกิจที่สอดรับเทรนด์สังคมสูงวัยในอนาคตั้งเป้ามี10แห่งภายใน 3 ปีจากนี้
 


ขณะที่นายนราธิป วิรุฬชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด  หรือ JAYMART MOBILE เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทฯมองว่าเป็นปีแห่งยุคเทคโนโลยี จะสนับสนุนสินค้าของเจมาร์ทโมบาย ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องตั้งเป้าปีนี้มีรายได้เติบโต 50% หรือแตะ12,500 ล้านบาทและกำไรที่เติบโตเท่าตัวจากบริหารจัดการภายในที่ต่อเนื่องต่อเนื่องรวมทั้งปรับเกมธุรกิจ ภายใต้สถานการณ์โควิด บริษัทมีการขยายสาขาผ่านการเปิด ร้านเจมาร์ทซินเนอร์ยี่กับ SINGER และในพื้นที่ของบริษัทในเครือและการขายสินค้าผ่านช่องทาง Synergy ด้วยสินเชื่อจาก KB J Capital และ SINGER
 

กลยุทธ์หลักปี 65 วาง 4 กลยุทธ์หลัก คือ Gadget Destination มุ่งเน้นสินค้าด้านเทคโนโลยี สร้างประสบการณ์ใหม่ผู้บริโภค, Financial Destination การตอบโจทย์บริการด้านสินเชื่อไม่มีบัตรก็ผ่อนได้, Digital Transformation การขยายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ Power of Synergy การมีเครือข่ายการขายที่แข็งแกร่งผ่านช่องทางของ SINGRT และ BTS Group ทั้งนี้มองว่านโยบายภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจช้อปดีมีคืนจะสนับสนุนให้ภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยในช่วงต้นปีนี้คึกคัก ขณะที่ประโยชน์ระยะยาวจากเทรนด์ Digital และ Metaverse เพิ่มโอกาสสินค้าเทคโนโลยีเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
 

ส่วนทางด้าน Mr.Won Suk Jung ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เคบีเจ แคปปิตอล จำกัด หรือ KB J ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายเปิดเผยว่า ในปีนี้บรษิทัจะขยายการปล่อยสินเชื่อให้ได้มากกว่า 2 เท่าของปีที่ผ่านมาโดยเปิดตัว Cash Card “KashJoy Easy Card” ซึ่งจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคในประเทศไทยได้มากขึ้นโดยจะนำเอาเทคโนโลยีในการดำเนินงานทางด้านการเงินจากประเทศเกาหลีใต้เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจให้ได้มากที่สุดและตั้งเป้าจะเติบโตผลการดำเนินงานให้ได้ 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา
 

ด้านนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเวนเจอรส์ จำกัด หรือ JVENTURE เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีและบล็อกเชน ใช้ในการพัฒนา Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) และผสานพลังซินเนอร์ยี่ภายในกลุ่มเจมารท์ โดยมี “JFIN” ซึ่งเป็น Utility Token ในการจัดทำกิจกรรม JFIN Adoption หรือ โปรโมชั่น “ลด แลก แจก JFIN” รวมทั้งใช้ในกลุ่มพันธมิตรที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ OneSiam และ SF ด้าน BTS Group คาดจะได้เห็นความร่วมมือกับ JFIN ไตรมาส 1 ปีนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลและมุ่งสู่ JFIN Mass adoption ซึ่งคาดว่า จะทำให้มีผู้ใช้งาน JFIN เพิ่มขึ้นในอนาคตรวมทั้ง การเปิดตัว JNFTMarketplace แพลตฟอร์ม NFT ที่เดินหน้าสนับสนุนให้นักสร้างสรรค์ชาวไทยมีโอกาสผลิตงานในรูปแบบดิจิทัลได้ง่ายขึ้นและเป็นโอกาสสร้างรายได้ในอนาคตเช่นกัน