กทม.ยกเครื่องระบบไอทีมุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ

17 ก.ย. 2564 | 20:17 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2564 | 03:23 น.

กทม.ผลักดันโครงสร้างฐานพื้นฐานไอที มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ เร่งส่งเสริมการบริการด้านฐานข้อมูล ด้วยการบริหารจัดการผ่านคลาวด์แบบครบวงจรด้วยศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ภายในองค์กร พร้อมยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร

นางสุธาทิพย์ สนเอี่ยมผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักงานกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “คนไทยกำลังเข้าสู่วิถีชีวิตดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลไทยก็ตระหนักถึงความสำคัญเพื่อปรับตัวต่อกระแสการให้บริการแบบดิจิทัล กรุงเทพมหานครพยายามเร่งเดินหน้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไอทีจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสนับสนุนให้เราสามารถมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ แทนการบำรุงรักษาและการดำเนินงานรูปแบบเดิมๆ ซึ่งระบบ Oracle Exadata Cloud@Customer จะเป็นตัวช่วยให้เราบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวได้”

กรุงเทพมหานครมีสำนักงานภายใต้การบริหารกว่า 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยมีการดำเนินการใช้ระบบฐานข้อมูลออราเคิล (Oracle Database) ที่แตกต่างกันถึง 40 รูปแบบ ซึ่งแหล่งจัดเก็บข้อมูลที่มี ความแตกต่าง และถูกจัดเก็บอย่างกระจัดกระจาย ทำให้ฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่สามารถเรียกดูข้อมูลของทั้งองค์กรแบบรวมศูนย์บนมาตรฐานเดียวกันได้ ถือเป็น ข้อจำกัดในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพแก่ประชาชน

กทม.ยกเครื่องระบบไอทีมุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ

“เมื่อนำระบบ Oracle Exadata Cloud@Customer มาใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักในด้านไอทีเพื่อรองรับแอพพลิเคชันหลักทั้งหมดในการทำงานของเรา ทำให้ กทม.สามารถให้บริการบนระบบออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนให้แก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น การทำงานบนคลาวด์ยังช่วยให้เราเห็นถึงภาพรวมการทำงานซึ่งเป็นจากการประมวลผลข้อมูลแบบบูรณาการบนคลาวด์แพลตฟอร์มที่สามารถบริหารจัดการด้วยข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความเร็วในการประมวลผลข้อมูลที่มากขึ้น ช่วยลดเวลาการรอรับบริการของประชาชน และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรับเรื่องร้องเรียน หรือตอบข้อซักถามของประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้นจากเดิม”

ด้วยระบบ Oracle Exadata Cloud@Customer กทม. สามารถย้ายระบบฐาน ข้อมูล Oracle Database ที่มีอยู่เดิม ขึ้นคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว และคงความสามารถในการทำงานร่วมกับ Oracle Exadata ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่านั้นระบบยังมีความสามารถในการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง, ให้บริการข้อมูลแบบรวมศูนย์ และมีความสามารถในการรองรับการขยายตัวในอนาคตมากกว่า On Premise Database Services อื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลให้ กทม. สามารถให้บริการระบบงานได้รวดเร็วขึ้น ด้วยต้นทุนที่ตํ่าลง โดยอาศัยประโยชน์จากการทำงานแบบอัตโนมัติ และราคา Subscription ที่จับต้องได้ของ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) อีกด้วย

นอกจากนี้ ระบบ Exadata Cloud@Customer ยังเป็นบริการคลาวด์ที่ลํ้าสมัยที่สุดในโลกที่ให้บริการแก่ลูกค้าผู้ที่ต้องการระบบฐานข้อมูลสำหรับติดตั้งในองค์กร และปฏิบัติงานภายใต้ระบบไฟร์วอลล์ของศูนย์ข้อมูล เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูล และแก้ไขปัญหาเรื่องการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐก็ไม่แตกต่างจากภาคเอกชน ที่ต้องจัดการกับข้อมูลและภาระงานปริมาณมหาศาล ซึ่งมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน หากต้องการความฉับไว ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่าของประสิทธิภาพต่อราคาที่สอดคล้องกับความต้องการ การเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์ย่อมเป็นคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนต่างๆนั้นอาจนำมาซึ่งความกังวลใจสำหรับองค์กรได้ เช่น หน่วยงานที่ต้องมีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวดอาจเกิดความวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูล หรือภาระงานบางอย่างที่จำเป็นต้องปฏิบัติในสถานที่ทำงานเท่านั้น ระบบ Exadata Cloud@Customer จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรรูปแบบนี้สามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานผ่านคลาวด์และการขับเคลื่อนนวัตกรรม ไปพร้อมๆ กับการรักษาข้อมูลทั้งหมดให้มีความมั่นคงปลอดภัยภายในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง”

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,715 หน้า 19 วันที่ 19 - 22 กันยายน 2564