ร่วมยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจ กะรน ภูเก็ต สู่เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ทซิตี้

19 ส.ค. 2564 | 17:16 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2564 | 00:30 น.

เทศบาลกะรน ผนึก เค.ดับบลิว.พลาซ่า จำกัด ในเครือ เดอะบีช กรุ๊ป และยูทีอี กลุ่มบริษัทเบญจจินดา ลงร่วมมือสร้าง“โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ Lucky Pole ยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจ กะรน ภูเก็ต เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ท ซิตี้

เรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน  จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลกะรน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการสื่อสารโทรคมนาคม  เสาอัจฉริยะ Lucky Pole” ร่วมกับ เดอะบีช กรุ๊ป และบริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ยูทีอี)   เนื่องจาก มีแผนเตรียมการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองให้มีความเติบโตในฐานะเมืองที่มีความพร้อมเป็นเมืองเศรษฐกิจ  โดยมีเป้าหมายยกระดับไปสู่การเป็นเมือง Smart City  อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศใน 120 วันด้วยเช่นกัน  

โดยเทศบาลตำบลกะรน เตรียมการพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลกะรนให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยต้องการให้เกิดการบูรณาการของข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนบริการต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาของส่วนรวม รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีน่าอยู่ยิ่งขึ้น และอย่างยั่งยืน  ขณะเดียวกัน มุ่งหวังผลก่อให้เกิดผลผลิตมากขึ้น 

ร่วมยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจ  กะรน  ภูเก็ต  สู่เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ทซิตี้

“ ผมมองเรื่องการพัฒนาเมืองตำบลกะรน ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของเมือง ซึ่งอิงกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่นการท่องเที่ยว รถให้บริการสาธารณะ อาหารทะเล ตลอดจนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เมืองมีภูมิทัศน์ที่สวยงามขึ้น  จึงได้มีแนวคิดที่จะยกระดับตำบลกะรน ให้เป็นต้นแบบของ Smart City ด้วยการดำเนินการต่างๆ เช่น การวางโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ Lucky Pole)  การจัดระเบียบสายไฟฟ้า และสายสื่อสารลงดิน การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ อุปกรณ์ Internet of Things (IoT) และระบบการควบคุมเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อให้มีการจัดการแบบรวมศูนย์ในพื้นที่โครงการเมืองอัจฉริยะ มาใช้ในพื้นที่ เขตเทศบาลตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ตจึงได้ลงนาม MOU โครงการ Smart City นี้ขึ้นระหว่างเทศบาลกะรน  บริษัท ยูทีอี และเดอะบีช กรุ๊ป” เรือเอกเจด็จ กล่าว

ร่วมยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจ  กะรน  ภูเก็ต  สู่เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ทซิตี้

นายธนาพันธ์ ตันติสัตยกุล กรรมการผู้จัดการร่วม  บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ยูทีอี)   กล่าวว่า   บทบาทของยูทีอี ในโครงการฯ นี้ จะเป็นหน่วยงานหลักในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่เรียกว่าเสาอัจฉริยะ Lucky Pole  พร้อมระบบบริหารจัดการ หรือเรียกว่า Smart City Platform (Maxicity) เพื่อตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของเมืองภูเก็ต  ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านสื่อดิจิทัลได้อย่างสะดวก   นอกจากนี้ ยูทีอี ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยผ่านระบบ CCTV และปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่ติดตั้งบนเสาอัจฉริยะฯทุกต้น   ดังนั้นนอกจากข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของเมือง และนักท่องเที่ยวแล้ว  ยูทีอี ได้พัฒนาและออกแบบเสาอัจฉริยะ Lucky Pole ให้มีจุดเด่นเรื่องโครงสร้างมีความมั่นคงและเข็งแรง ขณะเดียวกันมีการออกแบบรูปลักษณ์โดดเด่น ทันสมัย

ร่วมยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจ  กะรน  ภูเก็ต  สู่เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ทซิตี้

“การดำเนินโครงการนี้เรามุ่งเน้นให้เกิดการทำ Infrastructure Sharing   หรือการใช้ประโยชน์สูงสุดในทุกมิติจากเสาอัจฉริยะ Lucky  Pole เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนของ บริษัท สตาร์ท อัพที่จะเข้ามาพัฒนาเมือง และนำข้อมูลที่ได้รับจากโครงการนี้ไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการแก้ไข ตลอดจนพัฒนาเมืองได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ” นายธนาพันธ์ กล่าว

นายก้าน ประชุมพรรณ์ ประธานกรรมการในเครือเดอะบีช กรุ๊ป กล่าวว่า   ได้ลงนามในนาม K.W. PLAZA ในเครือเดอะบีช กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีความมุ่งหวังในความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อพัฒนาพื้นที่ในเทศบาลตำบลกะรน ให้เป็นเมืองที่มีความพร้อมเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก  สำหรับบทบาทความร่วมมือของเดอะบีช กรุ๊ป ในครั้งจะดำเนินการด้านพัฒนาสถานที่รองรับการท่องเที่ยว โดยสร้างอาคารที่พักรองรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนร้านค้าปลีก ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ เป็นการส่งเสริมให้เกิดรายได้หมุนเวียนของประชาชน  ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนพัฒนาเมืองของเทศบาลตำบลกะรน ในโครงการ  ส่งเสริมการเป็นเมืองอัจฉริยะ 

“ ในฐานะภาคเอกชนในพื้นที่กะรน ผมพร้อมตอบรับนโยบายการพัฒนาเมืองให้มีความเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ ควบคู่กับการรองรับนักท่องเที่ยวของเราในอนาคต” นายก้านกล่าวในท้ายสุด