DITTO ร่วมบิ๊กไอทีป้องกันภัยไซเบอร์ กรุงไทยฯ

20 พ.ค. 2564 | 15:44 น.

DITTO นำทีมผนึก 3 ยักษ์ใหญ่ธุรกิจไอที AIT G-Able และ MFEC เซ็นสัญญารับงานโครงการใหญ่จากกรุงไทยคอมพิวเตอร์ เซอร์วิสเซส ในเครือธนาคารกรุงไทย มูลค่าเกือบ 1 พันล้าน เดินหน้าโครงการ Hybrid CSOC จัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บุคลากร ปรับกระบวนการทำงาน และป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “DITTO” เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ บริษัทฯ ร่วมกับผู้แทนจากบริษัทพันธมิตรธุรกิจไอที 3 ราย ในนามธุรกิจค้าร่วม ADGM ร่วมลงนามในสัญญาดำเนินโครงการ Hybrid CSOC กับผู้แทนจากบริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) ในเครือธนาคารกรุงไทย มูลค่าโครงการกว่า 939 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี เพื่อดำเนินการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ จัดหาบุคลากรและปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมถึงปรับปรุงสถานที่ในการปฏิบัติงานเพื่อรับมือและป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์  

สำหรับธุรกิจค้าร่วม ADGM ประกอบด้วย บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำโดยถือสัดส่วนทั้งหมด 40% ส่วนพันธมิตรอีก 3 บริษัทประกอบด้วย บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT บริษัท จีเอเบิล จำกัด หรือ G-Able และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ถือสัดส่วนรายละ 20% เท่า ๆ กัน โดยจะรับผิดชอบการให้บริการตามความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัท  

สำหรับโครงการ Hybrid CSOC เป็นการพัฒนาระบบและกระบวนการรับมือ รวมถึงการป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ตรงตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมาทำงานร่วมกัน ซึ่งการดำเนินโครงการ Hybrid CSOC จะทำให้ลูกค้าและผู้ใช้บริการของธนาคารมีความมั่นใจในความปลอดภัย ทั้งในด้านเงินฝาก ข้อมูลส่วนตัวที่แจ้งไว้กับธนาคาร ก็จะมีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี  

ปัจจุบันสถาบันการเงินและผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ ตระหนักถึงความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งข้อมูลในส่วนของลูกค้าที่มาทำธุรกรรมและข้อมูลอื่น ๆ ของธนาคารมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันได้เกิดกรณีการโจมตีและโจรกรรมข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการโจมตีและโจรกรรมข้อมูลแต่ละครั้ง องค์กรที่ถูกโจมตีจะต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล ทำให้สถาบันการเงินตระหนักและตื่นตัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก 

จากความต้องการด้านระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้ DITTO ซึ่งมีธุรกิจหลักด้านการบริหารจัดการข้อมูล และมีความเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศในด้านนี้ จึงพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากธุรกิจเดิม สู่ธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญและมีความจำเป็นกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้บริหารธนาคารกรุงไทยและ KTBCS ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในด้านความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง