ประชาชน 97% เทใจหนุน‘แอปเรียกรถ’

06 พ.ค. 2564 | 16:13 น.

สวนดุสิตโพล เผยประชาชน 97%  เทใจหนุน ‘แอปเรียกรถ’ เชื่อมั่นคมนาคมดัน ก.ม. ผ่าน มิ.ย. 64

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไร กับการทำให้แอปพลิเคชันรถยนต์รับส่งสาธารณะถูกกฎหมาย” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 567 คน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สำรวจระหว่างวันที่ 29 เม.ย.- 3 พ.ค. 2564 พบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นคนที่เคยใช้บริการแอปเรียกรถ 85.71% และเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้ 14.29%   

ภาพรวมร้อยละ 97.00 เห็นด้วยกับการที่กระทรวงคมนาคมกำลังผลักดันให้บริการแอปเรียกรถถูกกฎหมายให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้  โดยไม่เห็นด้วยเพียงร้อยละ 3.00 

นอกจากนี้ยังเห็นด้วยหากมีการติดสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกว่ารถคันนี้เข้าร่วมบริการ ร้อยละ 89.95 เห็นด้วยหากมีการกำหนดราคาอย่างเหมาะสมกับขนาดหรือประเภทของรถ ร้อยละ 86.77 เห็นด้วยกับกรณีรถยนต์ส่วนบุคคลต้องให้บริการผ่านแอปฯเท่านั้น ร้อยละ 80.07 ยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อคุณภาพที่ดีกว่า ร้อยละ 77.60 และเห็นด้วยหากขยายอายุการใช้งานของรถส่วนตัวที่จะให้บริการผ่านแอปฯได้ถึง 12 ปี ร้อยละ 67.72 

สำหรับ 5 ปัจจัยแรกที่กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญในการเลือกใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ คือ ความสะดวกสบาย ร้อยละ 62.08 รองลงมาคือ มีความโปร่งใสในการแสดงราคา ร้อยละ 60.85 ไม่ถูกปฏิเสธ/ไปส่งทุกที่ ร้อยละ 58.55 มีมาตรฐานความปลอดภัย ร้อยละ 57.50 และมีการนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการ ร้อยละ 52.73 

 

การสำรวจในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากแอปเรียกรถเป็นบริการที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ธุรกิจบริการแอปเรียกรถในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงขึ้นถึง 5.7 แสนล้านบาทภายในปี 2568 (อ้างอิงรายงานวิจัยของ e-Conomy SEA 2020 โดย Google, Temasek และ Bain & Company) สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ให้บริการดังกล่าวหลายราย ไม่ว่าจะเป็น แกร็บ (Grab) โบลท์ (Bolt)  ไลน์แมน แท็กซี่ (LINE MAN Taxi) โกเจ็ก (Gojek) ทรูไรด์ (True Ryde) และ บอนกุ (Bonku) ซึ่งหากการผลักดันของกระทรวงคมนาคมในครั้งนี้เป็นผลสำเร็จก็จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศล่าสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แอปเรียกรถสามารถให้บริการได้อย่างถูกกฎหมาย เช่นเดียวกันกับ สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม

 1. การใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน   

อันดับ 1 

เคยใช้บริการ 

85.71% 

อันดับ 2 

ไม่เคยใช้บริการ 

14.29% 

 

 2. ประชาชนเห็นด้วยกับประเด็นการทำให้แอปพลิเคชันรถยนต์รับส่งสาธารณะถูกกฎหมาย ดังนี้ 

อันดับ 1 

การผลักดันให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย ภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้ 

97.00% 

อันดับ 2 

การติดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์บนตัวรถเพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถยนต์ที่จะนำมาให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน 

89.95% 

อันดับ 3 

การกำหนดราคาของบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับขนาดหรือประเภทของรถ เช่น รถขนาดเล็ก คิดในราคามาตรฐาน/รถหรูหรือรถขนาดใหญ่ สามารถคิดในราคาที่สูงขึ้นได้ 

86.77% 

อันดับ 4 

การกำหนดให้รถยนต์ส่วนตัวที่จะนำมาให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน จะต้องให้บริการผ่านแอปฯเท่านั้น 

80.07% 

อันดับ 5 

การจ่ายค่าบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในราคาที่สูงขึ้นเพื่อแลกกับบริการที่มีคุณภาพหรือมีมาตรฐานที่สูงกว่าบริการรถแท็กซี่ในปัจจุบัน 

77.60% 

อันดับ 6 

ให้ขยายอายุการใช้งานของรถยนต์ส่วนตัวที่จะนำมาให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันได้ถึง 12 ปี  

67.72% 

            

 3.  “5 อันดับ” สำคัญในการใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน  คือ 

อันดับ 1 

ความสะดวกสบายในการใช้บริการ/บริการ 24 ชั่วโมง 

62.08% 

อันดับ 2 

ความโปร่งใสในการแสดงราคา เช่น การแจ้งราคาล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 

60.85% 

อันดับ 3 

ไม่ถูกปฏิเสธ/สามารถส่งถึงจุดหมายได้ทุกที่ 

58.55% 

อันดับ 4 

มาตรฐานความปลอดภัย หรือมีประกันคุ้มครองผู้โดยสาร 

57.50% 

อันดับ 5 

การนำระบบหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยดำเนินการ 

52.73%