นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า จากการประเมินขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤติโควิด-19 ขณะที่บริษัทฯ ก็เตรียมมาตรการรับมือ และติดตามประเมินความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิด ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางหรือวิธีการเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การเข้าพบลูกค้า บริษัทฯจะเปลี่ยนแนวทางเป็นการหารือทางโทรศัพท์ หรือติดต่อทาง Video Conference เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งกับพนักงานบริษัทฯ และกับลูกค้าของบริษัทฯ
เช่นเดียวกับพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแนวทางการเข้าเสนอขายบริการและการประชุม เป็นการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ในส่วนของการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องดูแลและให้บริการด้านการติดตั้งบริการ รวมถึงดูแลซ่อมบำรุงเพื่อให้การใช้งานของลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพสูงสุด
บริษัทฯ ได้จัดเตรียมทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำงานสลับกันตามความเหมาะสมและแยกพื้นที่ ในการทำงานเพื่อลดการข้ามพื้นที่ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดระหว่างกลุ่มผู้ปฏิบัติงานได้ ทั้งนี้ ด้วยแนวทางดังกล่าว บริษัทฯ ยังสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยึดมั่นใน SLA ที่ได้ให้ไว้กับลูกค้าโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
สำหรับงานภาครัฐยังคงมีการขยายตัวและมีการส่งมอบงานตามแผน ส่วนโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐที่บริษัทฯ มีความสนใจก็ได้เตรียมความพร้อมหากมีการประกาศให้เข้าร่วมประมูลงาน
ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ บริษัทฯ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ พร้อมยืนหยัดที่จะดูแลลูกค้าให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่สะดุดและมีเสถียรภาพสูงสุดในทุกกรณี โดยบริษัทฯ พร้อมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายให้กับลูกค้าทุกรายของบริษัทฯ โดยเบื้องต้นบริษัทฯ พิจารณาที่จะเพิ่มขนาดช่องสัญญาณให้กับลูกค้าทุกรายมากขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อรองรับปริมาณการใช้งาน อันอาจจะเกิดสูงขึ้น และรองรับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งอาจจะเกิดการเข้าใช้งานพร้อมๆ กันส่งผลให้การทำงานผ่านระบบออนไลน์เกิดเป็นคอขวด ทั้งนี้การเพิ่มขนาดช่องสัญญาณจะช่วยให้ลูกค้าเบาใจในเรื่องของคอขวดไปได้ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งกระทบไม่มากในการเดินหน้าลุยงาน 5G ตามแผน ซึ่งบริษัทฯ ยังคงลุยหารือพันธมิตรอย่างต่อเนื่องหลังโมบายโอเปอร์เรเตอร์แต่ละแห่งเข้าสู่โหมดการลงทุนหลังการประมูลคลื่นความถี่ในการให้บริการ 5G
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้มีความห่วงใยในสุขภาพของพนักงานและตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรในองค์กรอยู่เสมอ เพราะบุคลากรภายในองค์กรจะมีส่วนในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้งทีมที่จะเฝ้าระวังและสื่อสารกับพนักงานในสังกัดของตนเอง โดยเป็นกลุ่มที่มีอำนาจตัดสินใจและดำเนินการและสั่งการได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เตรียมความพร้อมในกรณีต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นและมีการซักซ้อมเพื่อวิเคราะห์หาจุดที่สามารถปรับปรุงได้ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องบังคับใช้แผนสำรองทางธุรกิจ (BCP) โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญถึง 1. การแยกผู้ปฏิบัติงานออกเป็น 3 กลุ่มและทำงานสลับวันกันตามความเหมาะสม
เช่น 14 วันเพื่อให้สามารถคัดแยกผู้ต้องสงสัยหรือติดเชื่อไวรัสดังกล่าวออกจากกลุ่มหลัก ได้อย่างชัดเจน และยังสามารถมีทีมงานกลุ่มอื่นทำงานทดแทนได้ 2. กระจายบุคลากรของบริษัทฯ ไปประจำตามจุดและพื้นที่ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากผู้ปฏิบัติงานรวมกันอยู่จุดใดจุดหนึ่ง 3.จัดเตรียมและจัดหาอุปกรณ์ IT ที่จะช่วยให้การทำงานสามารถทำได้จากทุกๆที่ในทุกๆ ระบบ เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน เป็นต้น ทั้งนี้ทุกมาตรการที่ดำเนินการไปนั้นคำนึงถึงลูกค้าและพนักงานของบริษัทฯ โดยมุ่งหวังที่จะให้การบริการดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่สะดุดในทุกกรณี หรือสามารถดำเนินการได้ทันทีหากมีเหตุฉุกเฉินใดๆ เกิดขึ้น
อีกทั้งจากสถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐนั้น อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม ตั้งเป้าที่จะดูแลพนักงานของบริษัทฯ ให้ปลอดภัย และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสามารถดูแลบริการที่ได้ให้สัญญากับลูกค้าของบริษัทฯ เอาไว้ และรักษามาตรฐานการให้บริการของบริษัทฯ ทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่สะดุด บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว แต่มั่นใจว่า ความต้องการใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้า จะพลิกกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง