ปั้น‘สตาร์ตอัพ’น้องใหม่ เปิด‘ครีเดน’บริการระบบยืนยันตัวตนแบงก์-ฟินเทค

16 ก.พ. 2561 | 16:30 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2561 | 23:30 น.
ปั้น Creden.co สตาร์ตอัพระบบยืนยันตัวตนและประเมินลูกค้าทางออนไลน์ช่วยธนาคารและฟินเทคตลาดอาเซียน ล่าสุดดีแทคและกลุ่มกองบุญมา ลงทุนสนับสนุน

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ร่วมก่อตั้ง ครีเดน (Creden.co) บริษัทสตาร์ตอัพ ด้านระบบยืนยันตัวตน (eKYC) และประเมินลูกค้าทางออนไลน์ (Credit Scoring) เปิดเผยว่า ได้ร่วมจัดตั้งบริษัทสตาร์ตอัพ ครีเดน (www.Creden.co) เพื่อให้บริการด้านระบบยืนยันตัวตน (eKYC) และประเมินลูกค้าทางออนไลน์ (Credit Scoring) โดยนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ในโลกออนไลน์ และจากองค์กรต่างๆ มารวบรวมเป็น Big Data วิเคราะห์ และยืนยันความถูกต้องด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถระบุยืนยันลูกค้าได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยตามกฎหมาย

[caption id="attachment_258541" align="aligncenter" width="414"] ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ[/caption]

โดยปัจจุบันการยืนยันตัวตนของลูกค้าในการทำธุรกรรมต่างๆ ต้องใช้เอกสารมากมายในการยืนยันตัวตน เช่น สำเนาบัตรประชาชน-ทะเบียนบ้าน, รายการเดินบัญชีธนาคาร, หนังสือรับรองจากบริษัท เป็นต้น ซึ่งยุ่งยากและใช้เวลามากในการตรวจสอบ แต่ก็ต้องทำเพราะเป็นขั้นตอนบังคับของภาครัฐในการยืนยันตัวตนของลูกค้า ทำให้หน่วยงานและองค์กรที่ต้องการตรวจสอบ อย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลา คน เป็นจำนวนมากในการเข้าไปจัดการในส่วนนี้ และการมาของธุรกิจการเงิน-การธนาคารที่กำลังเข้าสู่โลกออนไลน์รวมไปถึงฟินเทค (Fintech) สกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) และการเสนอขายเงินสกุลดิจิตอลในระยะเริ่มต้น (ICO-Innitial Coin Offering) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ ที่ต้องการทำธุรกรรมทุกอย่างผ่านทางออนไลน์ แต่การยืนยันตัวตนลูกค้าก็ยังใช้วิธีเดิมอยู่ ทำให้ทุกอย่างล่าช้าและต้นทุนสูง

นายภาวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า “Creden.co ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยธุรกิจที่ต้องการ การยืนยันตัวตนลูกค้าหรือเรียกกว่า eKYC - Electronic Know Your Customer รวมไปถึงการให้คะแนนประเมินความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละคนทางออนไลน์ หรือเรียกว่า Online Credit Scoring กำลังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทำให้ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยง เพิ่มความเร็ว และลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data มาใช้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกยืนยันความถูกต้องผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อให้ข้อมูลทั้งหมดมีความปลอดภัยในระดับสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมออนไลน์ ลดการใช้เอกสารในการยืนยันตัวตน มีความปลอดภัยสูงและลดต้นทุนของธุรกิจได้มหาศาล”

ปัจจุบันมีกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน กลุ่มไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง รวมไปถึงฟินเทค การให้บริการสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) และการเสนอขายเงินสกุลดิจิตอลในระยะเริ่มต้น (ICO) ติดต่อเข้ามาจำนวนมาก และกำลังจะเปิดตัวบริการเร็วๆ นี้ร่วมกับหลายๆ ธุรกิจ

Creden.co ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 และได้ผ่านโครงการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ตอัพของทาง ดีแทค หรือ dtac accelerate รุ่นที่ 5 โดยทางดีแทคยังได้ร่วมลงทุนอีกด้วย และนอกจากนี้ยังได้รับการลงทุนเพิ่ม จากกลุ่มตระกูลกองบุญมา ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินการธนาคารของไทยมานานอีกด้วย

“เราตั้งเป้าให้ Creden.co ขยายไปทั่วอาเซียน พร้อมกับการเติบโตของฟินเทคและการเงินดิจิตอล ที่กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของคนแทบทุกคน” นายภาวุธกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 11 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
e-book