ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยุติความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะทดแทนหลอดพลาสติกด้วยกระดาษ คำสั่งดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที เป็นการยกเลิกมาตรการที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเคยเรียกมลพิษจากพลาสติกว่าเป็นวิกฤต
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ กล่าวว่าหลอดกระดาษนั้นใช้ไม่ได้และละลายในปากของผู้บริโภคได้
อย่างำรก็ตาม ในปี 2567 ไบเดนสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติการจัดซื้อหลอดพลาสติก รวมถึงช้อนส้อมและบรรจุภัณฑ์พลาสติกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
คำสั่งของทรัมป์สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลหยุดซื้อหลอดกระดาษและเรียกร้องให้มีกลยุทธ์ในการกำจัดหลอดกระดาษทั่วประเทศ
เรากำลังจะกลับไปสู่หลอดพลาสติกอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้ ผมเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว และบางครั้งมันก็พังหรือระเบิด ถ้าอะไรร้อน มันก็จะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที บางครั้งก็ไม่กี่วินาที มันเป็นสถานการณ์ที่ไร้สาระ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกำหนดเป้าหมายมลภาวะจากพลาสติก เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลของไบเดนประกาศว่าจะค่อยๆ ยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวจากบรรจุภัณฑ์อาหาร การดำเนินงาน และกิจกรรมต่างๆ ภายในปี 2570 และจากการดำเนินงานของรัฐบาลกลางทั้งหมดภายในปี 2578
ระหว่างการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2020 ซึ่งสุดท้ายเขาก็แพ้ ได้มีการนำหลอดพลาสติกตรา "ทรัมป์" มาจำหน่ายในราคาแพ็กละ 10 อัน ในราคา 15 ดอลลาร์ เพื่อทดแทนหลอดกระดาษที่เขาเรียกว่า "หลอดเสรีนิยม"
สถิติบางส่วนระบุว่า จำนวนหลอดดูดน้ำแบบใช้แล้วทิ้งที่ใช้ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 500 ล้านหลอดต่อวัน แม้ว่าตัวเลขนี้ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือด แต่จำนวนที่แท้จริงอาจอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว
เมืองและรัฐหลายแห่งในสหรัฐ รวมถึงเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และนิวเจอร์ซีย์ ได้นำกฎเกณฑ์ที่จำกัดการใช้หลอดพลาสติกมาใช้ หรือกำหนดให้ธุรกิจต่างๆ จัดเตรียมหลอดพลาสติกให้เฉพาะเมื่อได้รับการร้องขอจากลูกค้าเท่านั้น
สถิติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติแสดงให้เห็นว่ามีการผลิตพลาสติก 460 ล้านเมตริกตันทุกปี ส่งผลให้มีขยะลงในมหาสมุทรและไมโครพลาสติกซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม การศึกษาบางกรณีแสดงให้เห็นว่าหลอดกระดาษมี "สารเคมีอันตราย" เช่น สารโพลีฟลูออโรอัลคิลหรือ PFAS อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายทศวรรษ ปนเปื้อนแหล่งน้ำ และก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากมาย
ข้อมูลอ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง