sustainable

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

    เปิดแนวทางขับเคลื่อน'Thailand Zero Dropout' เด็กหลุดนอกระบบการศึกษาต้องเป็นศูนย์ กสศ. จับมือ 11 หน่วยงาน ค้นหา ช่วยเหลือ  ย้ำจุดเริ่มต้นสำคัญคือเด็กทุกคนต้องอยู่ในเรดาร์  และมีทางเลือกการศึกษายืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิตเด็ก ประชุมนัดแรก 14 มิถุนายน 2567 นี้

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งขับเคลื่อนเป้าหมายและ มาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ หรือ Thailand Zero Dropout  

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา มีมติรับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไปตามข้อเสนอของกสศ.  ซึ่งกสศ.กำลังทำงานร่วมกับ 11 หน่วยงาน เช่น กระทรวงคึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   โดยจะมีการประชุมนัดแรกร่วมกับทั้ง 11 หน่วยงานในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2567 นี้

 

ดร.ไกรยส กล่าวว่า หลังระบบการศึกษาไทยเผชิญวิกฤตโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาและกลุ่มเสี่ยงที่จะหลุดของประเทศไทยปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุกพื้นที่ ครอบครัวหลายแสนครัวเรือนยังคงมีโอกาสสูงที่จะยังติดอยู่ในกับดักความยากจน เนื่องจากลูกหลานของครอบครัวเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถสำเร็จการศึกษาที่สูงกว่ารุ่นพ่อแม่ต่อไปอีก 1 ชั่วคน

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

และด้วยความท้าทายที่ประเทศไทยก้าวเป็นสังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ซึ่งมีอัตราการเกิดใหม่ลดลงต่ำกว่าปีละ 500,000 คนแล้ว ส่งผลให้ประเทศไทยอาจติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางต่อไปอีกหลายปี 
 

ด้วยเหตุนี้ หากประเทศไทยสามารถยุติปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจนทำให้จำนวนเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษากลายเป็นศูนย์ได้ (Zero Dropout) ภายในทศวรรษข้างหน้านี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนเกือบ ร้อยละ 1.7 ของ GDP จากรายงานการประเมินขององค์การยูเนสโก ผ่านการเพิ่มขึ้นของรายได้ตลอดชีวิตของเด็กและเยาวชนที่มีการศึกษาสูงขึ้น ซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เกือบเท่ากับค่าเฉลี่ยของการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ราวร้อยละ 1.6 เท่านั้น

จากการทำงานด้านข้อมูลร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง กสศ. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดีอี พบว่าตัวเลขนักเรียนในระบบการศึกษาที่เข้าเรียนในระดับอนุบาลถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน (อ1.-ม.6) ในทุกสังกัดประมาณ 11 ล้านคน จากข้อมูลของ EDC Education Data Center สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักทะเบียนราษฎร์กระทรวงมหาดไทย พบเด็กและเยาวชนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา (เด็กนอกระบบ) ในปี 2566 ประมาณ 1.02 ล้านคน โดยเด็กในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยเด็กปฐมวัยที่ไม่ได้เข้าเรียนชั้นอนุบาลหรือชั้นประถมศึกษา เด็กที่เข้าเรียนล่าช้า เด็กที่เคยเข้าเรียนแล้วแต่ออกกลางคันทั้งก่อน และหลังสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ รวมทั้งเด็กตกหล่นจากระบบการศึกษา

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

“หากเห็นตัวเลขจำนวนเด็กตกหล่น ปี 2566 สะสมประมาณ 1.02 ล้านคน อาจจะดูสูงจนน่าตกใจ แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขเด็กนอกระบบในรายจังหวัด เทียบกับจำนวนประชากรวัยเรียนในพื้นที่แล้วจะพบว่า เกือบทุกจังหวัดมีอัตราส่วนเด็กนอกระบบการศึกษาเป็นตัวเลขหลักเดียว หรือราว 1-3% ของประชากรในวัยเดียวกันของพื้นที่จังหวัดต่างๆ  มีเพียงพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดตาก ที่มีเด็กนอกระบบสูงถึง 6-13% ของฐานประชากรวัย 3-18 ปี”

ผู้จัดการ กสศ. ระบุว่า ข้อสังเกตจากจังหวัดที่มีตัวเลขเด็กกลุ่มนี้สูง พบว่า สอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของจังหวัด มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างโต  เป็นพื้นที่ที่มีโอกาสหางานทำได้มาก เป็นจังหวัดหัวเมืองใหญ่ของแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้ กทม. เหมือนมีหลายจังหวัดทับซ้อนอยู่

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า กทม. ตาก และทุกจังหวัด มีศักยภาพ ในการช่วยเหลือและดูแลเด็กกลุ่มนี้ โดยเสนอให้มองปัญหานี้เป็นปัญหาระดับประเทศที่สามารถแก้ไขร่วมกันได้  และสามารถจัดการได้ในระดับจังหวัด และดำเนินการได้ในระดับชุมชน ผ่านการติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง มีการออกแบบกลไกรายจังหวัด สนับสนุนแต่ละพื้นที่ แต่ละชุมชนซึ่งรู้จักทุกคนในชุมชน รู้จักครอบครัวเด็กทุกบ้าน ออกไปเคาะประตูบ้านของนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา เพื่อทราบปัญหาซึ่งอาจจะมีความซับซ้อนด้านต่างๆ  มีเงื่อนไขชีวิตที่ลำบาก  ต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย ครอบครัวขาดแคลน หรือมีภาวะไม่พร้อม นำมาออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตรงจุดผ่านความร่วมมือจากสหวิชาชีพของแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างโอกาสในการพาพวกเขากลับมาเรียน และหามาตรการไม่ให้หลุดจากการศึกษาซ้ำอีก

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

ผู้จัดการ กสศ. ชี้ว่า  มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมานี้ถือเป็นกุญแจดอกแรกในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ทั้ง 4 มาตรการ ได้แก่

  1. มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  2. มาตรการติดตาม ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
  3. มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่นมีคุณภาพและเหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย 
  4. มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาหรือเรียนรู้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการติดตามเยาวชนนอกระบบการศึกษา ซึ่งจะทำให้ทุกจังหวัดมีกลไกทำงานให้ทุกต้นเทอม ทุกโรงเรียน ทุกจังหวัด จะมีระบบการติดตามผู้เรียน และฟื้นฟูเด็กเตรียมความพร้อมการเข้าเรียนใหม่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือเด็กนอกระบบถือเป็นหลักกิโลเมตรสุดท้ายของการศึกษาไทย จึงถือเป็นงานที่ยากที่สุดของการบรรลุเป้าหมายการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG4)  แต่หน่วยงานต่างๆ กำลังพยายามใช้หลักการ “ปวงชนเพื่อการศึกษา” (All for Education) นำเด็กเยาวชนวัยเรียนทุกคนกลับมาสู่ระบบการศึกษายืดหยุ่น และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ตอบโจทย์ชีวิตได้จริง

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

โครงการ Zero Dropout ไม่ได้หมายถึงเด็กเยาวชนทุกคนจะกลับเข้าสู่โรงเรียนทันที แต่หมายถึงว่า เด็กทุกคนจะมีทางเลือกในการเรียนรู้ และพัฒนาที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ชีวิต หรือแม้จะยังไม่พร้อมกลับเข้าระบบ พวกเขาก็จะมีเส้นทางการเตรียมความพร้อม การได้รับการฟื้นฟู 3-6 เดือนก่อนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อค้นพบคุณค่าและเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งเชื่อมโยงกับเส้นทางการศึกษาต่างๆ จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายของชีวิตและครอบครัวได้ นั่นคือปลายทางของ Zero Dropout ที่ทุกฝ่ายตั้งใจให้เกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าจะลดจำนวนทั้งหมดลงได้ในคราวเดียว แต่หมายถึงให้เด็กทุกคนอยู่ในเรดาร์ ที่จะถูกค้นพบ หน่วยงานของรัฐ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบได้ว่าจะหาเด็กกลุ่มนี้ได้ที่ไหน และช่วยให้เด็กทุกคนมีแผนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา

กสศ. เปิดปฏิบัติการ Thailand Zero Dropout หยุดปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา

กระบวนการนี้ จะทำให้ได้บทเรียนมากมายต่อการปฏิรูประบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยในระยะเวลา 4-5 ปีข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นตัวเลขเหลือน้อยลงเพียงเฉพาะเด็กเยาวชนที่ออกจากระบบการศึกษาชั่วคราว หรือ รอกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาปีละประมาณ 2-3 แสนคน ซึ่งทุกคนอยู่ในการดูแล และเตรียมความพร้อมในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ชีวิต เป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ภายในสมัยรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน

"เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะไม่สามารถหลบเลี่ยงปัญหาเด็กที่กำลังเกิดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจำนวนแรงงานและขีดความสามารถในการแข่งขันและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศไทย” ผู้จัดการ กสศ. กล่าว