"กพร." ดันผู้ประกอบการประยุกต์ใช้ Circular Economy ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า

30 พ.ย. 2566 | 19:03 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ย. 2566 | 19:03 น.

"กพร." ดันผู้ประกอบการประยุกต์ใช้ Circular Economy ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสการส่งออกคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,900 ล้านบาทต่อปี และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 12,000 ตัน CO2 เทียบเท่าต่อปี

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายในงานสัมมนาวิชาการ “Innovation in Raw Materials Conference 2023: Circular Economy in MIND ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) โดยระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้แนวคิด MIND ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านความสำเร็จ 4 มิติ ทั้งความสำเร็จทางธุรกิจ การดูแลสังคมและชุมชนโดยรอบ การรักษาสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อให้ผู้ประกอบการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน 

ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนภาคอุตสาหกรรมให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์และมูลค่าเพิ่มสูงสุด เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ ลดการเกิดขยะและปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ด้วยการเปลี่ยนขยะเป็นทรัพยากร และสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน ผสมผสานกับการผลักดันให้ผู้ประกอบการขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation–Driven Entrepreneurship) จะเป็นตัวเร่งไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน 

"กพร." ดันผู้ประกอบการประยุกต์ใช้ Circular Economy ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า

โดยที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้มีการประยุกต์ในหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กร ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง 

"กพร. สามารถส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการให้มีการประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และยกระดับสถานประกอบการให้มีการประกอบการและผลิตสินค้าตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อเชื่อมโยงตลาดสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียนและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสการส่งออกคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,900 ล้านบาทต่อปี และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 12,000 ตัน CO2 เทียบเท่าต่อปี"

ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานดังกล่าวเป็นตัวอย่างของการยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน  และเป็นส่วนสำคัญในการรองรับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำของรัฐบาล

"กพร." ดันผู้ประกอบการประยุกต์ใช้ Circular Economy ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า ดร.อดิทัต วะสีนนท์ รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดี กพร. กล่าวว่า ในฐานะที่ กพร. เป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ ทั้งวัตถุดิบจาก
แหล่งแร่ธรรมชาติ (Primary Raw Materials) และวัตถุดิบทุติยภูมิที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย (Secondary Raw Materials) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการไทย 

โดยได้ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์และมูลค่าเพิ่มสูงสุด ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน และการยกระดับผู้ประกอบการให้มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน 

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาได้ดำเนินการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับผู้ประกอบการเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพื้นฐาน และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี อย่างครบวงจร ตั้งแต่การนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์ จนกระทั่งการจัดการเศษซากผลิตภัณฑ์เมื่อหมดอายุการใช้งาน โดยเน้นการนำกลับมาหมุนเวียนเป็นวัตถุดิบทุติยภูมิให้แก่ภาคอุตสาหกรรมให้ได้มากที่สุด ตัวอย่างผลงานในปีนี้ที่สำคัญ เช่น

การพัฒนาวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าแร่ โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีการสังเคราะห์ซีโอไลต์ (Zeolite) จากแร่ดินขาว สำหรับใช้เป็นวัสดุดูดซับกลิ่นหรือบำบัดน้ำเสีย (จากแร่ดินขาว 700-900 บาทต่อตัน เป็น Zeolite 17,000-20,000 บาทต่อตัน) และได้ผลิตเป็นทรายแมว Zeolite เทคโนโลยีการผลิตยิปซัมเกรดอาหาร สำหรับใช้ผลิตอาหารประเภทเต้าหู้อ่อน ขนมขบเคี้ยว หรือเป็นสารตัวเติมในการผลิตเบียร์ (จากแร่ยิปซัม 1,000 บาทต่อตัน เป็นยิปซัมเกรดอาหาร 40,000 บาทต่อตัน) 
การพัฒนาต้นแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 ในอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การยกระดับสถานประกอบการให้มีการประกอบการและผลิตสินค้าตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อเชื่อมโยงตลาดสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียนและการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ CBAM และมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์รีไซเคิล การพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อแยกสกัดแร่/โลหะที่มีมูลค่าสูงกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม การอัพไซเคิล (Upcycle) เปลือกแมคคาเดเมีย (Macadamia) ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้า (Face Scrub) ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น 

ปัจจุบัน กพร. ได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีรีไซเคิลและนวัตกรรมวัตถุดิบ รวมกว่า 80 ชนิด โดยที่ผ่านมาได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้แก่ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่สนใจ เฉลี่ยกว่า 400 รายต่อปี   

ล่าสุดได้มีการจัดงาน สัมนาวิชาการ Circular Economy in MIND ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่การผลิตวัตถุดิบ (ทดแทน/ขั้นสูง) ในเชิงพาณิชย์ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาองค์กรควบคู่กับความยั่งยืน โดยมีการบรรยายมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนทั้งในประเทศและระดับสากล การสร้างนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน 

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่ตัวอย่างการดำเนินงานของสถานประกอบการที่มีการดำเนินการดีเด่นด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน และจัดแสดงผลงานที่สำคัญของ กพร.