ส่องคืบหน้า "NEOM" โปรเจกต์ยักษ์พาซาอุดีอาระเบียทะยานสู่โลกแห่งอนาคต
ส่องความคืบหน้า "NEOM" โปรเจกต์ยักษ์ หัวใจของ Vision 2030 พา "ซาอุดีอาระเบีย" ทะยานสู่โลกแห่งอนาคต ไกลกว่าการเป็นผู้ผลิตน้ำมันของโลก
NEOM (นีออม) ของซาอุดิอาระเบีย หัวใจของ Vision 2030 ที่กลายเป็นเกมเพลย์ของซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดในโลก มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 18 ล้านล้านบาท ซึ่งวางแผนโดย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย หรือรู้จักกันในชื่อ MBS ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่พร้อมสิทธิประโยชน์หลายประการ ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียไม่ต้องพึ่งพาแต่น้ำมันอีกต่อไป
เดือนตุลาคมที่ผ่านมา NEOM เปิดตัววิดีโออัปเดตใหม่ที่แสดงให้เห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของโครงการแห่งอนาคตมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ โดยมีการก่อสร้างในภูมิภาคสำคัญของโครงการ รวมถึง 4 โปรเจกต์ อย่าง เดอะไลน์ (The Line) , ออกซากอน (Oxagon) , ซินดาลาห์ (Sindalah) และ โทรเจน่า (Trojena) ซึ่งกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภาพยนตร์ความคืบหน้านี้แสดงให้เห็นภาพการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วทั้งไซต์งานขนาดใหญ่โดยเผยให้เห็นถึงการทำงานที่มีพนักงานมากกว่า 3,000 คนและพนักงานก่อสร้าง 60,000 คนกำลังดำเนินการในโครงการขนาดใหญ่ของราชอาณาจักร ตามรายงานของ เว็บไซต์ alarabiya
ความคืบหน้าล่าสุด NEOM Green Hydrogen Company (NGHC) ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับการส่งมอบกังหันลมครั้งแรกที่ท่าเรือ NEOM ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นก้าวสำคัญในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ โดยกังหันลมชุดแรกได้รับการส่งมอบสำเร็จเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังถูกขนส่งผ่านทางถนนไปยังพื้นที่ Wind Garden ใกล้อ่าว Aqaba ซึ่งจะถูกประกอบและติดตั้ง คาดว่าจะมีการส่งมอบกังหันเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้ โดยในที่สุด Wind Garden ของ NGHC จะมีกังหันลมมากกว่า 250 เครื่องเพื่อใช้จ่ายพลังงานให้กับโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวโดยตรงผ่านโครงข่ายส่งไฟฟ้าโดยเฉพาะ
โรงงานของ NGHC ตั้งอยู่ในเมือง Oxagon เป็นเมืองท่าลอยน้ำทรงแปดเหลี่ยม เป้าหมายคือเพื่อเป็นศูนย์โลจิสติกส์แห่งใหม่ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่จะกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ตต่อไปในอนาคต ของ NEOM โดยบูรณาการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้มากถึง 4 กิกะวัตต์ เพื่อผลิตไฮโดรเจนไร้คาร์บอนได้มากถึง 600 ตันต่อวัน เมื่อโรงงานที่ NEOM เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2026 ไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตได้ 100% จะพร้อมส่งออกไปทั่วโลกในรูปของแอมโมเนียสีเขียว
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา NGHC บรรลุข้อตกลงทางการเงินเต็มรูปแบบด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการจัดหาเงินทุนแบบไม่ขอความช่วยเหลือมูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารและสถาบันการเงินในท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ 23 แห่ง และได้ทำข้อตกลงด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) กับ Air Products ผู้ให้บริการด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และตลาดเกิดใหม่ มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เเละข้อตกลงรับซื้อแอมโมเนียสีเขียวทั้งหมดเป็นเวลา 30 ปีกับ Air Products ที่ผลิตในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของพลังงานหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด
นอกจากนี้ Sindalah จุดหมายปลายทางบนเกาะที่หรูหราของ NEOM มีความคืบหน้าโดยได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Dive Butler International ผู้ให้บริการประสบการณ์การดำน้ำระดับพรีเมียม เนื่องจาก Sindalah จะต้อนรับแขกในปี 2024 ความร่วมมือกับ Dive Butler จะทำให้ผู้มาเยือนทุกคนจะได้รับประสบการณ์ทะเลแดงที่หรูหราอย่างแท้จริง ทั้งเหนือและใต้น้ำ
Dive Butler จะบริหารศูนย์ดำน้ำ PADI ระดับ 5 ดาว และจัดเตรียมกิจกรรมต่างๆ เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมทางทะเลของซินดาลาห์อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การดำน้ำตื้นไปจนถึงการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NEOM
Dive Butler จะใช้งานเรือไฟฟ้าและเรือไฮบริดโดยใช้ท่าจอดเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการดำน้ำแบบตะกั่ว ณ ไซต์บางแห่งจากกว่า 100 แห่งที่ได้รับการระบุว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้มาเยือน ขณะที่ทะเลแดงจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลมากกว่า 1,100 สายพันธุ์ โดย 15% เป็นสัตว์ประจำถิ่น สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น พะยูน เต่า และโลมา มักพบเห็นได้ในน่านน้ำของซินดาลาห์
ที่มาข้อมูล