เคอรี่ โลจิสติคส์ รุกขยายพื้นที่คลังสินค้า EEC รับ EV พุ่งหนุน Net Zero

18 พ.ค. 2566 | 11:46 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2566 | 11:46 น.

เคอรี่ โลจิสติคส์ รุกขยายพื้นที่คลังสินค้า EEC รับ EV พุ่งหนุน Net Zero ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมชูมาตรฐานการบริการแบบมืออาชีพ และประสบการณ์ดูแลลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์มานาน

นายพงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการขยายเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อรองรับฐานลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวสูงขึ้น 

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตโดดเด่น  และเริ่มเข้ามาใช้บริการคลังสินค้า เป็นอุตสาหกรรมด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรืออีวี (EV)  ที่มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก  หรืออีอีซี (EEC)  และคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวของกลุ่มยานยนต์ EV มีโอกาสเติบตัวสูง ตามความต้องการของตลาด

และมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ ที่ผลักดันการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม 
 

“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตสูง โดยประเทศไทยเป็นอีกประเทศที่ผู้บริโภคมีความตื่นตัวมากขึ้นเกี่ยวกับพลังงานสะอาด  ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตเล็งเห็นจุดนี้ จึงมีการขยายฐานการผลิตเข้ามาในเขต EEC"

ส่วนของคลังสินค้า เคอรี่ โลจิสติคส์ ตอนนี้มีลูกค้ากลุ่ม EV เข้ามาใช้บริการพอสมควร ทั้งในส่วนของยางรถยนต์ และ Spare part บริษัทจึงต้องขยายพื้นที่คลังสินค้ารองรับลูกค้ากลุ่ม EV ที่คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

นายพงศ์ศิริ  กล่าวอีกว่า   ปัจจุบัน คลังสินค้า เคอรี่ โลจิสติคส์ โซนระยอง ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด  มีพื้นที่ให้บริการกว่า 36,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าเพิ่ม  เพื่อรองรับการเติบโตของทุกภาคอุตสาหกรรม  โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม  

อย่างไรก็ดี การที่ เคอรี่ โลจิสติคส์ ขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อให้มีความหลากหลายของทุกสินค้า  และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้  โดยการให้บริการ  ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสินค้าของทุกอุตสาหกรรม  

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการคลังสินค้า  จากสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม 34.32% กลุ่มยานยนต์ 22.60%  กลุ่มแฟชั่นและไลฟสไตล์ 13.81% อาหารและเครื่องดื่ม 12.84% และอื่น ๆ 16.43%