ผศ.ดร.พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์วลัยลักษณ์ (มวล.) เปิดเผยว่า คณะกำลังร่วมกันขับเคลื่อนแผนงานวิจัยเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จังหวัดกระบี่และพื้นที่เชื่อมโยงกับภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนท่องเที่ยว ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อศึกษาประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการท่องเที่ยว การวิเคราะห์ตลาดทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อรองรับการท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการคำนวณขนาดการปล่อยคาร์บอน การปรับ-ลด-ชดเชยปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการท่องเที่ยว
สำหรับการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นั้น เป็นการท่องเที่ยวโดยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวลงไปสัมผัสวิถีชีวิต และภูมิปัญญาของชุมชน ได้ศึกษาหาความรู้จากธรรมชาติ ใช้ชีวิตให้ช้าลง กินอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ประเด็นที่สำคัญก็คือจะสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้ชุมชน โดยนักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ ได้ลงไปขับเคลื่อนในชุมชนต้นแบบของกระบี่ ได้แก่ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านไหนหนัง ชุมชนทุ่งหยีเพ็ง บ้านแหลมสัก เกาะกลาง ห้วยน้ำขาว คลองท่อม และชุมชนบ้านนาตีน
ผศ.ดร.พิมพ์ลภัส กล่าวอีกว่า ขณะนี้กิจกรรมการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้ถูกนำไปใส่ในโปรแกรมการท่องเที่ยว และได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มนักท่องเที่ยวแถบยุโรปและกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาพบว่า การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ฯ ต้องอาศัยการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อให้ทราบค่าเป้าหมายในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
โดยผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญกับการจัดการโดยเฉพาะด้านยานพาหนะทางการท่องเที่ยวและการจัดการขยะ เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างมากต่อปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์
อีกทั้งยังต้องให้ความสำคัญกับกิจกรรมการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความตระหนักและมีการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอตามปฏิญญากระบี่ หลังจากการลดแล้วต้องมีการชดเชย ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวสามารถนำคะแนน Earth Point ขององค์กรไปแลกคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นการชดเชย
ขณะที่การขับเคลื่อนจะเป็นต้องอาศัยการเชื่อมโยงทั้งเครือข่ายในระดับประเทศ และเครือข่ายในจังหวัดกระบี่ เพื่อร่วมขับเคลื่อน Krabi Carbon Neutral Tourism 2040 ต่อไป