โปรแกรมเปิดสนามฟุตบอลโลก2022 จะมีขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 และจะไปสิ้นสุดการแข่งขันวันที่ 18 ธันวาคม 2565
โดยรอบแบ่งกลุ่มจะแข่งขันเสร็จสิ้นในวันที่ 2 ธันวาคม โดยจะได้ 16 ทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์
ส่วนโปรแกรมการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะแข่งขันระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม
ขณะที่รอบก่อนรองชนะเลิศจะแข่งขันระหว่างวันที่ 9-10 ธันวาคม
รอบรองชนะเลิศจะแข่งขันในวันที่ 13-14 ธันวาคม โดยผู้แพ้ต้องไปเล่นในรอบชิงอันดับสามวันที่ 17 ธันวาคม
ด้านผู้ชนะจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศวันที่ 18 ธันวาคม
สำหรับวันเปิดสนาม "ฟุตบอลโลก2022" จะมีการเตะด้วยกันทั้งหมด 1 คู่ ทีมใดลงเตะบ้าง "ฐานเศรษฐกิจ" มีคำตอบ
ส่วนวันถัดมา (21 พ.ย.) จะมีเตะทั้งหมด 3 คู่
ส่วนประเด็นเรื่องของการถ่ายทอดสดในประเทศไทยนั้น ล่าสุดเมื่อวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 15 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าซื้อลิขสิทธิ์ "ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022" รอบสุดท้าย ว่ามีการหารือและสอบถามกันในที่ประชุม ครม.อยู่ในขั้นตอนการเจรจาอยู่ เพราะราคาสูงขึ้นกว่าก่อนมาก
ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตอบข้อซักถามว่าคนไทยจะได้ดูบอลโลกหรือไม่ว่า ไม่รู้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสรุปได้ความชัดเจนแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าว ว่ายัง ต้องให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปคุย ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ายังขาดเงินอีกเยอะหรือไม่ที่จะไปซื้อลิขสิทธิ์ รองนายกฯ กล่าวย้ำว่าไม่รู้
ล่าสุดนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ทุกคู่ว่า เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประสานกับ กกท. คิดว่าได้เตรียมการเป็นอย่างดี ไม่น่ามีปัญหาคิดว่าคนไทยจะได้ดูบอลโลกครบทุกแมตช์อย่างแน่นอน เพราะ พล.อ.ประวิตรบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่ ไม่น่าเป็นกังวลอะไร
“ผมเชื่อว่าคนไทยได้ดูอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าล่าช้า ขนาดครั้งที่ดูบอลยูโรฯยังได้ดูวันสุดท้ายเลย ผมมีความมั่นใจว่าคนไทยจะได้ชมฟุตบอลโลก ส่วนปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายคงมีภาคเอกชนสนับสนุนและคงมีเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ การเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์ จะมีการลดหย่อนเพิ่มเติม ผมมั่นใจ” นายอนุชากล่าว
ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างติดต่อประสานกับทางฟีฟ่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเชิญสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเข้ามาพูดคุยเป็นการเชิญเข้ามารับฟังความเห็นต่างๆ เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าหากได้ลิขสิทธิ์ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ หรือก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มเตะ เพื่อดำเนินการถ่ายทอดสดได้ทันที
เนื่องจาก กสทช.กำชับว่าการเลือกช่องถ่ายทอดสดจะต้องเป็นธรรมกับสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ได้รับผลตอบรับจากแต่ละสถานีกลับมาและจะนำมาประชุมหารืออีกครั้ง ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีช่องใดถ่ายทอดสดบ้าง
“ในส่วนของการหางบประมาณจากภาคเอกชน ยังไม่มีเพิ่มเติมเข้ามา ขอให้ได้ทำงานในส่วนการเจรจาต่อรองราคาให้เรียบร้อยก่อน ส่วนที่มีข้อเสนอให้ยืมเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ทำได้แค่เป็นการขอใช้เงินมีเงื่อนไขต้องคืนกลับไปเมื่อได้สปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ในทางกฎหมายสามารถทำได้ ต้องพิจารณารายละเอียดต่างๆให้ครบถ้วนเสียก่อน” นายก้องศักดกล่าว
ที่ผ่านมากกท.เจรจากับบริษัทอินฟรอนท์ฯ ไปหมดแล้วแต่ได้รับคำตอบยืนยันเพียงแค่ลดราคามาอยู่ที่ 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาทเท่านั้น สำหรับเรื่องงบประมาณ ขณะนี้ กกท.มีเงินอยู่ในมือประมาณ 1,100 ล้านบาท จาก กสทช. 600 ล้านบาท และภาคเอกชนอีก 400-500 ล้านบาท
ส่วนเงินเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดต้องรอภาคเอกชนเข้ามา สนับสนุนเพิ่มเติม หรือสุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ยังมีแผนที่จะยืมเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติมาช่วยไปก่อน ก่อนนำเงินจากภาคเอกชนมาสมทบชดใช้กองทุนฯ แนวทางดังกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้แต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.ระบุว่า ในที่ประชุมพูดถึงการหาทางออกเรื่องค่าใช้จ่ายซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก โดยช่วงหนึ่งพล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รับรองว่าเราได้ดูแน่ แต่อาจจะช้าไปสักวันหนึ่ง เพราะทางโน้นจะขายลิขสิทธิ์ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเราก็ยังพอไหว
แต่ขณะนี้ นายหน้า สปอนเซอร์กำลังเจรจากันอยู่ อยู่ระหว่างต่อรอง ซึ่งทางโน้นยังไม่ยอมลดราคาเลย ได้ดูนะได้ดูแน่แต่อาจจะไม่ครบทุกคู่