ปตท. คว้ารางวัล SET Awards 2024 ด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

31 ต.ค. 2567 | 15:45 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ต.ค. 2567 | 15:56 น.

ปตท. คว้ารางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน และด้านนวัตกรรม จากเวที SET Awards 2024 สะท้อนความยอดเยี่ยมทางธุรกิจ

วันนี้ (30 ตุลาคม 2567) – ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้รับรางวัล SET Awards ประจำปี 2024 ที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร รวม 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) และรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านนวัตกรรม (SET Awards of Honor) สะท้อนเจตนารมณ์ของ ปตท. ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจแบบยั่งยืนในทุกมิติ การลงทุนต้องเกิดประโยชน์ทั้งกับองค์กรและประเทศ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วน และ สร้างพลังร่วมภายในกลุ่ม ปตท. ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน”

 

ปตท. คว้ารางวัล SET Awards 2024 ด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

ปตท. คว้ารางวัล SET Awards 2024 ด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

นับเป็นปีที่ 4 ของ ปตท. ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นจากการดำเนินงานจนได้รับรางวัล Best Sustainability Awards อย่างต่อเนื่อง โดย ปตท. ยึดมั่นพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่ธุรกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2593 หรือ ค.ศ. 2050 ด้วยการผสานการบริหารจัดการทั้งกลุ่ม ปตท. ผ่านแนวทางการดำเนินงาน C3 ได้แก่

 

ปตท. คว้ารางวัล SET Awards 2024 ด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

 

Climate Resilience Business ปรับ Portfolio และพิจารณาการปล่อยคาร์บอน (Carbon Emission) ควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจ

Carbon-Conscious Asset ปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ใช้พลังงานสะอาด เช่น ไฮโดรเจน การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในกระบวนการผลิต รวมทั้งการนำคาร์บอนไดออกไซด์แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ (Carbon Capture and Utilization: CCU) เป็นต้น

Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All ประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเป็นแกนหลักของประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยใช้เทคโนโลยีการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) รวมถึงเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ผ่านการปลูกและบำรุงรักษาป่า

สำหรับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านนวัตกรรม (SET Awards of Honor) ปตท. ได้รับจากการคว้ารางวัล Best Innovative Company Awards 4 ปีติดต่อกัน ได้แก่ ปี 2021 ได้รับรางวัลจากผลงานการพัฒนานวัตกรรมวัสดุปิดแผลไบโอเซลลูโลสคอมพอสิต Innaqua ปี 2022 ได้รับจากนวัตกรรม PTT EV Charger and Charging Platform ปี 2023 ได้รับจากผลงานตัวเร่งปฏิกิริยา PTT SCR และในปีนี้เป็นผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนไมโครสเกล หรือ PTT MicroHX” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในนิคมอุตสาหกรรม ด้วยการนำเอาพลังงานเหลือทิ้งในรูปแบบความร้อนหรือความเย็น หมุนเวียนกลับมาใช้ในกระบวนการ (Energy Recovery) ให้เกิดประโยชน์ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการปลดปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อสังคมและชุมชน ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งในระดับอุตสาหกรรมและระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วจำนวนกว่า 40 สิทธิบัตร ใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมา และอินเดีย ซึ่งในปัจจุบันมีการติดตั้งใช้งานเชิงพาณิชย์ที่โรงงานผลิตถุงมือยาง จังหวัดชลบุรี และบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) เพื่อใช้ในโครงการ LNG Terminal 1 ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ปัจจุบันอยู่ระหว่างต่อยอดเชิงพาณิชย์ไปยังกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งในและนอกกลุ่ม ปตท. อีกด้วย

 

ปตท. คว้ารางวัล SET Awards 2024 ด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

 

“ปตท. ขอขอบคุณนักวิเคราะห์ นักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้ ปตท. ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในวันนี้ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งขององค์กรในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย ปตท. พร้อมดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” ดร.คงกระพัน กล่าว