วันนี้ (25 มกราคม 2568) เวลา 17.13 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บริเวณสะพานดำรงสถิต ณ ถนนเจริญกรุง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันจัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน แสดงออกถึงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทิตาของราษฎรที่ได้รับพระเมตตาบารมีปกเกล้าให้มีความร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งยังจะเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ที่สำคัญของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ซึ่งจะส่งผลถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ประกอบด้วย ซุ้มประตู “วชิรสถิต 72 พรรษา” บริเวณสะพานดำรงสถิต เป็นส่วนหัวของมังกร และซุ้มประตู “วชิรธำรง 72 พรรษา” บริเวณห้าแยกหมอมี เป็นส่วนหางของมังกร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบแก่คณะกรรมการสำหรับจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ และพระราชทานชื่อว่า ซุ้มประตู “วชิรสถิต 72 พรรษา” มีความหมายว่า ซุ้มประตูนี้เป็นเอกลักษณ์แสดงถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญยั่งยืน 72 พรรษา และซุ้มประตู “วชิรธำรง 72 พรรษา” มีความหมายว่า ซุ้มประตูนี้เป็นเอกลักษณ์จารึกการเทิดทูนของพสกนิกรในอภิมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นำไปประดิษฐานเหนือซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 2 ซุ้มประตูด้วย
สำหรับ การออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานทางศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของอารยธรรมไทย-จีน แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ “ฐานเสา” มีสีแดงประดับด้วยลวดลายมังกรสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงตามความเชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล จำนวน 1 คู่ ตั้งอยู่บนทางเท้าทั้งสองฝั่งของถนนเจริญกรุง
“หลังคา” สีเหลืองสามชั้น โดยตรงกึ่งกลางของหลังคาชั้นบนสุดประดิษฐานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ด้านข้างซ้ายและขวาประดับด้วยมังกรปูนปั้นระบายสีหันหน้าเข้าหาตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ สื่อถึงพสกนิกรชาวไทยเชื้อสายจีนต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์
ส่วน “ฐานซุ้ม” เป็นฐานปัทม์แบบศิลปะไทยออกแบบโดยกรมศิลปากร มีประติมากรรมสัตว์มงคลคือช้างและสิงห์ และกลอง แกะสลักจากหินอ่อนหยกขาว “ฮั่นไป๋ยู่” ซึ่งเป็นหินชนิดพิเศษที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มอบให้เนื่องในโอกาสครบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2568
ในการนี้ ทอดพระเนตรการขับร้องเพลง “สดุดีทศมราชา” จากคณะกรรมการสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และภาคีเครือข่าย และทอดพระเนตรการแสดงชุด “เบญจกตัญญุตาบารมีแห่งมังกรสยาม” ซึ่งนำโดรนใช้ในการประกอบการแสดง
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินตามเส้นทางถนนเจริญกรุงผ่านแยก เอส.เอ.บี มีการแสดงโขนชุดยกรบ จากโรงเรียนวัดสิตาราม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เมื่อเสด็จพระราชดำเนินผ่านแยกเสือป่า มีการแสดงทศมราชัน เป็นการแสดงตีกลองจีนจากโรงเรียนสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์
ถนนเจริญกรุง ถือเป็นถนนสายมังกรและถนนสายแรกของประเทศไทยที่มีความสำคัญทางการค้าและมีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต และยังเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนหลากหลายเชื้อชาติทั้งชุมชนชาวจีน, ชุมชนชาวตะวันตก, ชุมชนชาวมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยตลอดเส้นทางสองฝั่งที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านมีประชาชนต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เฝ้าทูลละอองธุลี พระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่นเพื่อชื่นชมพระบารมี
ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดมังกรกมลาวาส พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาส นำบรรพชิตจีน จำนวน 73 รูป สวดถวายพระพร
วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้าย ร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีน สร้างขึ้นเมื่อปี 2414 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัด
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยัง ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง 72 พรรษา” ห้าแยกหมอมี เขตสัมพันธวงศ์
ถนนเจริญกรุงสายนี้ มีความสำคัญทางการค้า และมีความรุ่งเรืองมาแต่อดีต และยังเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวจีน ชุมชนชาวตะวันตก และชุมชนชาวมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน
ในการนี้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อมภริยา และนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน พร้อมคณะกรรมการฯ , นายชิม ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย , นายกิตติ อิทธิภากร ประธานสหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย, สมาคมจีนเก้าภาษา และองค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ โดยมีนักร้องเยาวชน ร่วมขับร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
สำหรับ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง 72 พรรษา” ด้านหลังมีข้อความภาษาจีน หมายถึง พสกนิกร ร่มเย็นเป็นสุขชั่วนิรันดร์ และเป็นเอกลักษณ์แห่งการจารึกความเทิดทูนของพสกนิกร ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งพลัง ความยิ่งใหญ่ และความอ่อนน้อมต่อพระผู้มีพระคุณ ทรงกตัญญูต่อสมเด็จพระบรมราชบุพการี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ทรงให้ความสำคัญกับการเจริญสัมพันธไมตรี กับนานาอารยประเทศ และทรงตั้งพระราชหฤทัย ในการดูแลทุกข์สุขราษฎร ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ให้มีความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และสมาคมจีนเก้าภาษา สหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย และ องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก
ตลอดเส้นทางสองฝั่งถนนเจริญกรุง มีประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมชื่นชมพระบารมี แสดงออกถึงความจงรักภักดี และความศรัทธา ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ ให้แก่ประชาชนตลอดเส้นทาง ที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ยังความปลื้มปีติแก่ประชาชน ที่ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จเป็นล้นพ้น