นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นสองภาคส่วนที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยสูง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการชะลอตัว ฉะนั้น ในมิติของภาครัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือ และกระตุ้นในภาคดังกล่าว
สำหรับในภาคอสังหาฯ กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองในเร็วที่สุด รวมทั้งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เตรียมผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่จะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ มาตรการที่กำลังเตรียมจะช่วยสนับสนุนให้ภาคอสังหาฯ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้มีการประเมินว่าหากภาครัฐไม่มีมาตรการออกมาเลย จะส่งผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหดตัวที่ - 3.5% ส่วนกรณีถ้ามีเพียงหนึ่งมาตรการ จะขยายตัว 1.6% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัว 9.7%
ขณะที่ในฝั่งซัพพลายหรือความต้องการขายนั้น มาตรการจะส่งผลผู้ประกอบการ วางแผนการลงทุนยูนิตขายใหม่มากขึ้น โดยหากไม่มีมาตรการเลย การเพิ่มขึ้นของยูนิตใหม่ หดตัวที่ -0.8% ถ้ามีหนึ่งมาตรการ จะขยายตัวที่ 16.8% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัวที่ 22.6%
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณาเยียวยา กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 8 แห่ง ได้ออกมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว
“ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีเงินงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจพอสมควร สามารถรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดยมีวงเงินที่กันไว้เหลืออยู่ 1.5 แสนล้านบาท โดยมาตรการด้านสินเชื่อ การกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และโครงการแจกเงินดิจิทัล อยู่ในกระบวนการดำเนินงานของรัฐบาล”
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น เราจะต้องค่อยๆ ติดตามสถานการณ์ว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสภาพัฒน์ อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลจะเร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์