"ลลิล" ชี้ตลาดแนวราบ 68 โต รุกเปิดโครงการใหม่-ปรับกลยุทธ์สู่ยุคดิจิทัล
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ คาดปี 68 ตลาดแนวราบยังโต เดินหน้าเปิด 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท พร้อมปรับองค์กรสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ Real Demand และยกระดับมาตรฐานตามแนวทาง ESG
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน
รวมถึงการลงทุนของภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง
นายไชยยันต์ยังกล่าวเสริมว่า ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด National Property Company โดยเน้น ESG ใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และปรับองค์กรสู่ Agile Organization ผ่าน Digital Transformation ใช้ Big Data และ CRM ทำความเข้าใจผู้บริโภค พร้อมยกระดับประสบการณ์ซื้อบ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ซึ่งสำหรับปี 2568 นี้ บริษัทเตรียมเปิด 6-8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 4,050 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand ที่มองหาบ้านฟังก์ชันยืดหยุ่น เช่น พื้นที่ Work from Home และแนวคิด Green Living Standard
ซึ่งบริษัทนำมาใช้พัฒนาโครงการต่อเนื่อง พร้อมเสริมกลยุทธ์การตลาดแบบ Lifestyle & Experience Marketing ใช้ Digital Marketing, Brand Collaboration และ Big Data ตอบโจทย์ลูกค้า
"เรากำลังเปลี่ยนองค์กรให้คล่องตัวขึ้น ผ่าน Agile Organization และ Digital Transformation เพื่อตอบสนองตลาดได้รวดเร็วขึ้น โดยออกแบบบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัล และใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่ล้ำสมัย สร้างโครงการที่มีคุณภาพและยั่งยืน" นายชูรัชฏ์กล่าว
ทั้งนี้ นายไชยยันต์ เชื่อว่าปี 2568 จะเป็นโอกาสสำคัญของตลาดอสังหาฯ แนวราบ แม้การแข่งขันเพื่อความอยู่รอดของแต่ละบริษัทจะยังคงเข้มข้น และผู้พัฒนาอาจระมัดระวังในการลงทุนยิ่งขึ้น จากปัจจัยความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะยังเน้นพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่มีความเชี่ยวชาญ และผ่านการศึกษาแล้วเป็นอย่างดี และเน้นพัฒนาโครงการที่สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรมและการบริหารที่มีประสิทธิภาพ