กูรูอสังหาฯ มองนโยบาย"ทรัมป์" สวน"ไบเดน" ลั่น ไทยพร้อมหนุนทุกฝ่าย  

22 ม.ค. 2568 | 04:16 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 07:37 น.

กูรูอสังหาฯ มองนโยบายทรัมป์ สวนไบเดน ชี้ผิดคาด นโยบายทางความสงบ หันมาเน้นเรื่องการค้ามากขึ้น ท่าทีหากสหรัฐฯรุนแรงกับจีน อาจกระทบ "อีลอน มัสก์" ด้านไทยพร้อมหนุนทุกฝ่าย  

การหวนคืนเก้าอี้ประธานาธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้งของ “โดนัลด์ ทรัมป์” หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่20มกราคม 2568 

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์

หลายฝ่ายอาจผิดคาดจากท่าทีนโยบายที่ผ่อนคลายลง และไม่เลือกขึ้น กำแพงภาษีทันที สำหรับประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้า แต่เลือกศึกษาแต่ละประเทศอย่างถ้วนถี่ ส่งผลให้ทั่วโลกลดความร้อนแรงลง จากเศรษฐกิจและการค้าโลกลง

ที่เห็นเด่นชัด อะไรที่เป็นนโยบายของไบเดน ทรัมป์ จะยกเลิกและพร้อมเดินสวนทาง ยกตัวอย่าง สงครามการสู้รบระหว่างรัสเชียกับยูเครน   

 รวม ถึง การลงนามคำสั่งบริหาร (Executive Order) ที่ยืดเวลาให้กับ TikTok อีก 75 วันในการหาข้อสรุปทิศทางการดำเนินงานแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ อ้างอิงตามกฎหมายข้อกำหนดเดิมที่อ้างเหตุผล ‘ความมั่นคงของชาติ’

สุดท้ายแล้ว ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok จะต้องเลือกว่าจะขายหรือปิดตัวลง โดย ณ​ ขณะนี้ชาวอเมริกันยังคงสามารถเข้าใช้แพลตฟอร์มได้ อีกทั้งออกจากความตกลงปารีส เกี่ยวลดโลกร้อน

มุมสะท้อนของ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคม อสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การมาของทรัมป์ครั้งนี้ มีนโยบายน่าจะมองในเรื่องของความสงบและหันมาเน้นเรื่องของการค้ามากขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ให้แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อเทียบกับคราวก่อน 

มองว่าครั้งนี้ น่าจะเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น  แต่ทุกนโยบายจะสวนทางกับไบเดน ในทุกมิติ  แต่ในที่สุดแล้ว การตั้งกำแพงภาษีน่าจะเกิดขึ้นในประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯและอาจจะรวมถึงไทย  

 

ในทางกลับกันการตั้งกำแพงภาษีของจีน น่าจับตามอง เพราะ   อีลอน มัสก์ เป็นหนึ่งรัฐมนตรีในรัฐบาล“โดนัลด์ ทรัมป์”  และเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรายใหญ่ ของสหรัสฯ ที่เข้าไปลงทุนในจีนหลายหมื่นล้านบาทโดยเฉพาะ รถอีวี เทสลา

เพราะหาก สหรัฐฯมีนโยบายรุนแรงกับจีน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ อาจจะกระทบ อีลอน มัสก์ คนสำคัญที่ร่วมรัฐบาลได้ แต่ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯแย่ลงมากๆแน่นอนว่าทรัมป์ น่าจะหาเรื่องเก็บภาษีสูงๆ เพื่อหารายได้ เข้าประเทศลดการขาดดุลการค้า   ส่วนภาคอสังหาของไทยมองว่าหากยุติสงครามการสู้รบได้ จะช่วยให้มีต้นทุนที่ไม่สูง จากราคาพลังงานน้ำมัน ค่าขนส่ง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมและที่โด่ดเด่นคือค้าอาวุธ ซึ่งต้องจับตาว่าในที่สุดแล้ว ทรัมป์จะทนการรบเร้าจากนักธุรกิจค้าอาวุธสงครามได้มากน้อยแค่ไหน หลังมีนโยบายไม่สนับสนุน สงครามรัฐเซียกับยูเครน ขณะประเทศไทย สนับสนุนทุกฝ่ายเนื่องจากเป็นประเทศขนาดเล็กต้องพึ่งพาชาติมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐ