สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568 เพื่อขยายเวลาการบังคับใช้คำสั่งแบน TikTok ออกไป 75 วัน จากกำหนดการเดิมที่จะมีผลในวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมเสนอเงื่อนไขพิเศษให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองหุ้น 50% ของ TikTok สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้แอปยังคงดำเนินการต่อไปได้
ทรัมป์ยังขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจีนหากปักกิ่งไม่อนุมัติข้อตกลงการขาย TikTok ให้กับสหรัฐฯ โดยคำสั่งบริหารนี้ออกมาหลังจากความวุ่นวายทางกฎหมายและการเมืองที่ดำเนินมา 48 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้งาน TikTok หลายล้านคนในสหรัฐฯ ต้องลุ้นชะตากรรมของแอปพลิเคชันยอดนิยม
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อ TikTok ซึ่งมีผู้ใช้งานชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน ถูกระงับการให้บริการชั่วคราว ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ ซึ่งกำหนดให้ ByteDance บริษัทแม่จากจีนต้องขายกิจการด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ มิฉะนั้นจะถูกแบน
หลังจากทรัมป์ประกาศแผนการ "เซฟ TikTok" TikTok ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายในไม่กี่ชั่วโมง พร้อมขอบคุณประธานาธิบดีคนใหม่ที่ให้ความมั่นใจว่าบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจจะไม่ถูกปรับหนักจากการเปิดให้บริการแอปต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแอปและเว็บไซต์จะกลับมาใช้งานได้ในวันจันทร์ แต่ผู้ใช้ใหม่ยังไม่สามารถดาวน์โหลด TikTok ได้จากทั้ง Apple App Store และ Google Play Store
ทั้งนี้ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ 60 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ณ โถงโรทันดา อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน ในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568 รอยเตอร์ส และสื่อหลายสำนัก ได้เปิดเผยภาพ ของ "ซู เฉิง" ซีอีโอ TikTok" เข้าร่วมพิธีสาบานตนในครั้งนี้ด้วย
ด้าน CNN รายงานว่าที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนจุดยืนครั้งนี้ว่า "ผมได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ TikTok เพราะผมได้ใช้มันด้วยตัวเอง และต้องเข้าใจว่า TikTok เป็นเรื่องของเด็กและคนหนุ่มสาวเป็นหลัก ถ้าจีนจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กๆ ผมคิดว่าเรามีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น" พร้อมย้ำว่าคำสั่งที่เขาลงนามให้อำนาจในการตัดสินใจทั้ง "ขายหรือปิด" แอปพลิเคชัน
ด้าน TikTok ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันอาทิตย์ พร้อมออกแถลงการณ์ขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ที่ให้ความชัดเจนกับพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึง Apple, Google และ Oracle ว่าจะไม่ถูกปรับในช่วงที่รอคำสั่งบริหารอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทระบุว่าจะร่วมมือกับทรัมป์ในการหาทางออกระยะยาวเพื่อให้ TikTok สามารถดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่า ByteDance บริษัทแม่ในจีนจะยอมขายกิจการให้กับนักลงทุนอเมริกันหรือไม่ แม้ทรัมป์จะเสนอแนวทางให้นักลงทุนอเมริกันซื้อหุ้น 50% เพื่อร่วมบริหารกิจการ ขณะที่ทั้ง ByteDance และรัฐบาลจีนต่างแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการขายอัลกอริทึมของ TikTok ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของแอปพลิเคชัน
ปัจจุบันมีนักลงทุนหลายรายที่แสดงความสนใจซื้อกิจการ TikTok ซึ่งมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน อาทิ กลุ่มนักลงทุนนำโดยมหาเศรษฐี แฟรงก์ แมคคอร์ต และ เควิน โอเลียรี จาก "Shark Tank" รวมถึง PerplexityAI นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าจีนกำลังพิจารณาขายให้กับ อีลอน มัสก์ แม้ทาง TikTok จะปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าเป็น "เรื่องแต่ง"
การตัดสินใจของทรัมป์ครั้งนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้งานบางส่วนว่าเป็นการสร้างภาพทางการเมือง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าทรัมป์เคยพยายามแบน TikTok มาก่อนในสมัยที่เป็นประธานาธิบดี ขณะที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ทอม คอตตัน และ พีท ริคเก็ตส์ แสดงจุดยืนคัดค้านการขยายเวลา โดยยืนยันว่า ByteDance ต้องขายกิจการให้กับนักลงทุนอเมริกันเท่านั้น เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงของชาวอเมริกันจากภัยคุกคามของจีนคอมมิวนิสต์
ที่มาเนื้อหา
ลิขสิทธิ์ภาพ : Reuters