3 เทรนด์ ที่อยู่อาศัย มาแรงปี 2023 "ความยั่งยืน" นำโด่ง

02 ก.พ. 2566 | 09:49 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.พ. 2566 | 13:52 น.
1.5 k

"ลิกซิล โกลบอล ดีไซน์" เผย 3 เทรนด์ มาแรง ส่งอิทธิพลสู่ตลดาอสังหาริมทรัพย์ และการออกแบบตกแต่างภายในบ้าน "ความยั่งยืน ลดใช้น้ำ ลดขยะพลาสติก" นำโด่ง ตามด้วย การออกแบบเพื่อผู้อยู่อาศัยทุกวัยในบ้าน และเทคโนโลยีง่ายๆ ใช้งานได้จริง

นาย อันทวน เบแซร์ เดส์ ออรส์ (Antoine Besseyre des Horts) ลีดเดอร์ (VP) ประจำลิกซิล โกลบอล ดีไซน์ ภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า จากการได้ร่วมงานกับนักออกแบบและบุคคลชั้นนำในวงการมากมาย ทำให้สามารถวิเคราะห์เทรนด์ใหม่มาแรงของปี 2023 โดยเทรนด์ที่มาแรงนี้ เริ่มมีอิทธิพลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และการออกแบบตกแต่งภายในบ้าน

นาย อันทวน เบแซร์ เดส์ ออรส์

การทำงานจากที่บ้านหรือการ Work From Home ยังคงเป็นเรื่องปกติสำหรับหลาย ๆ คนอยู่ ผู้คนจึงมองหาโซลูชันที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่ยังคงความมีสไตล์เอาไว้ ขณะเดียวกัน ความกังวลในเรื่องภาวะโลกร้อน และราคาของวัสดุก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้น ก็ส่งผลต่อเทรนด์ของที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน ผู้บริโภคเริ่มมองหาโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับแก้ปัญหาในบ้านที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ โซลูชันในการลดปริมาณการใช้น้ำ ลดการปล่อยคาร์บอน รวมไปถึงโซลูชันในการลดภาระค่าสาธารณูปโภค 

3 เทรนด์เรื่องบ้าน ที่มาแรงในปี 2023 ประกอบด้วย

1.      ความยั่งยืน การอนุรักษ์น้ำ และการลดใช้พลาสติก

ความยั่งยืนกลายมาเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ สำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการนำโซลูชันที่มีความยั่งยืนมาปรับใช้ ในปี 2023 นี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านจะถูกออกแบบเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่ลดทอนประสบการณ์ที่จะได้รับในแต่ละวัน จะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ มุ่งเข้าสู่ความยั่งยืนและเกิดการหมุนเวียน  รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยปรับใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการตกแต่งภายใน ผ่านการใช้วัสดุรีไซเคิลในส่วนที่สามารถใช้ได้ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานยาวนาน พร้อมคำนึงถึงการนำไปรีไซเคิลในอนาคต

 

นอกจากนี้ ยังจะได้เห็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยลดการใช้พลาสติกและน้ำอย่างต่อเนื่อง อย่างในประเทศสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว พบว่ามีการใช้พลาสติกและน้ำภายในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น โดยหากพิจารณาจากทั่วประเทศแล้ว แต่ละคนจะใช้น้ำปริมาณ 158 ลิตรต่อวัน[1]และใช้ขวด PET 467 ล้านขวดในแต่ละปี ส่วนโถสุขภัณฑ์ ฝักบัว และก๊อกน้ำที่ใช้ทรัพยากรน้ำน้อยลงและลดการใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบจะค่อย ๆ เข้ามามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งการใช้น้ำหลัก ๆ ภายในบ้าน เช่นเดียวกับ GROHE Blue ที่มาปฏิวัติระบบน้ำ เพราะสามารถกรอง ทำความเย็น และเติมคาร์บอนลงในน้ำได้โดยตรงจากก๊อกน้ำในครัว มีส่วนช่วยในการลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกได้มากถึง 800 ขวด ลดการใช้น้ำ และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ในกระบวนการสร้างโซลูชันที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นของลิกซิล จะนำข้อบกพร่องในการออกแบบผลิตภัณฑ์มาร่วม และหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพของการอนุรักษ์น้ำโดยไม่ลดทอนประสบการณ์และการเข้าถึงโซลูชันของผู้ใช้
 

2.      การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย

แม้ว่า Inclusivity หรือการให้ความสำคัญกับทุกคนจะเป็นคำที่ใช้กันมานานหลายต่อหลายปี แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องของการออกแบบ พื้นที่ทางกายภาพที่ให้ความสำคัญกับทุกคนเท่าใดนัก และประเด็นนี้มักไม่ค่อยมีการนำมาพิจารณาเมื่อพูดถึงเรื่องของความหลากหลายและการเปิดกว้าง

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 นี้ เริ่มที่จะเห็นแนวโน้มในการผสานรวมการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคนเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่และสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่มาช่วยรับประกันว่า สภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นจะเอื้อประโยชน์และพร้อมรองรับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยใด ๆ จะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น

 

การออกแบบที่อยู่อาศัยจะใส่ใจกับประชากรสูงวัยมากขึ้น เมื่อผู้คนมีอายุมากขึ้น พวกเขาจะเดินภายในบ้านที่มีโครงสร้างเดิม ๆ ได้ลำบากขึ้น นักออกแบบจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติชี้ให้เห็นว่า ประชากรสูงวัยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด การออกแบบเพื่อผู้สูงวัยที่เริ่มเห็นแล้ว เช่น อ่างอาบน้ำที่ออกแบบขอบของอ่างอาบน้ำให้มีขนาดกว้างขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวก ในขณะที่อ่างแบบวอล์กอิน ช่วยให้สามารถเข้าใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นและป้องกันการลื่นล้ม

 

นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงจากผลิตภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงฐานะ ไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเรียบง่ายและใช้งานได้จริงมากขึ้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงความสวยงาม ความมีสไตล์ และมาพร้อมกับการใช้งานที่ง่ายและตรงไปตรงมามากกว่าเดิม เพื่อรองรับผู้ใช้ที่มีความหลากหลาย 

 

3.      เทคโนโลยีช่วยให้เกิดความเรียบง่ายและการใช้งานได้จริง

เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์ในปี 2023 ทั้งเรื่องของความยั่งยืน การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคน และการทำให้บ้านมีสไตล์และมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การผสานรวมเทคโนโลยีของนักออกแบบจะเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมโดยรอบมากขึ้นเรื่อย ๆ

เช่น ก๊อกน้ำแบบไร้สัมผัสและระบบชำระล้าง ที่ช่วยลดการสัมผัสของผู้ใช้ จะยังคงมีการนำมาใช้ในพื้นที่สาธารณะ นอกจากนี้ การผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับบ้านจะเป็นเรื่องของความสะดวกสบายมากกว่า เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับระบบฝักบัว Smart Control ของ GROHE ซึ่งใช้นวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฝักบัวได้ตามต้องการ และควบคุมอุณหภูมิและปริมาณการใช้น้ำได้อย่างง่ายดาย

 
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเทรนด์ การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน นักออกแบบ ช่างก่อสร้าง และสถาปนิกล้วนมีอิทธิพลที่จะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในการออกแบบที่ครอบคลุม การอนุรักษ์น้ำ และความยั่งยืน แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผู้ที่มองการออกแบบจากมุมของความเข้าอกเข้าใจ ความถี่ถ้วน และมีวิจารณญาณ จะมีความโดดเด่นกว่าคนอื่น เพราะตัวเขาเองนั้นกำลังเปลี่ยนชีวิตของผู้คนจำนวนมากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น