10 อันดับ อสังหาฯ เมืองไทย เปิด 'โครงการใหม่' สูงสุด

4 มีนาคม 2565 - จับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2565 เปิด 10 อันดับผู้พัฒนาฯ โครงการที่อยู่อาศัย ลุงเปิดโครงการใหม่สูงที่สุด ขณะศูนย์ข้อมูลประเมินตลาดอสังหาฯ กทม.-ปริมณฑลปีนี้  เปิดตัวโครงการพุ่ง 1 เท่าตัว จากปีก่อนหน้าที่มีการการเปิดตัวใหม่แค่ 46,602 ยูนิต ซึ่งต่ำสุดในรอบ 11ปี มาอยู่ที่  81,126 ยูนิต 

สอดคล้อง  “ลุมพินี วิสดอม” ระบุ ปี 2565 ผู้ประกอบการอสังหาฯ มั่นใจตลาดฯ ฟื้น ลุยเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เดือนมกราคม 2565 ทั้งหมด 7,450 หน่วย เพิ่มขึ้น 441% ทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัย เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปี 2564 มูลค่ารวม 27,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 274% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 

เปิด 10 อันดับ อสังหาฯไทย เปิดโครงการใหม่สูงสุด

อันดับ 1 บมจ.เอพี ไทยแลนด์ หรือ AP 

• จำนวน :  65 โครงการ 
• มูลค่า : 78,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  47,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   50,000  ล้านบาท

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า  ปีนี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ที่มากถึง 65 โครงการ มูลค่าเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 25,200 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน  26 โครงการ มูลค่า 35,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท  

ส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกทม.และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 182 โครงการ มูลค่ากว่า 149,000 ล้านบาท โดยเล็งแชร์เค้กในพื้นที่ใหม่โซนปริมณฑล ดันโครงการบ้านแนวราบไปยัง  เขตต่างๆ ในสมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี เช่น บางพลี พุทธสาคร ซอยพันท้ายนรสิงห์ เทพารักษ์ และบางบ่อ เป็นต้น  

อันดับ 2 บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI

• จำนวน :  46 โครงการ 
• มูลค่า : 50,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  35,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   35,000  ล้านบาท

นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทมี แผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่  แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 18 โครงการ โดยเน้นการเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อตอบรับ Real Demand และเน้นการเปิดตัวโครงการ Affor dable Segment ราคาเข้าถึงง่าย ทั้ง “คอนโด มี” คอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ มูฟ  นอกจากนี้ แสนสิริยังมีบ้านเดี่ยวที่ตอบรับทุกความต้องการ กระจายในหลายทำเลและระดับราคาเพื่อให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้น บ้านเดี่ยวแบรนด์บุราสิริ และเศรษฐสิริ รวมถึง บูก้าน ด้วย

อันดับ 3  บมจ.โนเบิล หรือ NOBLE

• จำนวน :  18 โครงการ 
• มูลค่า : 47,700 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  29,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   28,000  ล้านบาท

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ระบุว่า ปีนี้ บริษัท วางกลยุทธ์ทางธุรกิจ เปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 18 โครงการ เพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและรองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ซึ่งการพัฒนาโครงการในแนวราบจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้นเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง แบ่งเป็นโครงการประเภทแนวราบ + คอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,800 ล้านบาท ประเภทแนวสูงจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,900 ล้านบาท

อันดับ 4  บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้  หรือ ORI

• จำนวน : 31 โครงการ
• มูลค่า : 42,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  17,500 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   35,000  ล้านบาท

นายพีระพงศ์​ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น  เปิดเผยว่า หลังจากก่อตั้งบริษัทมาได้กว่า 12 ปี บริษัทได้พัฒนา ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จากวันแรกที่มีเพียงธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม สู่ปัจจุบันที่มีอาณาจักรธุรกิจใหม่ๆ แตกแขนงออกมาจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในปีนี้  การเปิดตัวโครงการจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 137% แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) ทั้งนี้ จะมีโครงการใหม่ที่เป็นเมกะโปรเจกต์ย่านทองหล่อ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” (Origin Thonglor World) ที่มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 15,000 ล้านบาท

อันดับ 5  บมจ. ศุภาลัย หรือ SPALI

• จำนวน :  34  โครงการ 
• มูลค่า : 40,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  29,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   28,000  ล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศุภาลัย  เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดทั้งปี 2564 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ปีที่ผ่านมา บริษัท เปิดตัวโครงการ รวม 23 โครงการ มูลค่ารวม 24,790 ล้าน ขณะปีนี้ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ทั้งนี้ จะขยายการพัฒนาโครงการใหม่ไปสู่ภูมิภาค ใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ลำพูน นครสวรรค์ นครปฐม และ ประจวบคีรีขันธ์ อีกด้วย

อันดับ 6 บมจ. เอสซี แอสเสท หรือ SC

• จำนวน : 27 โครงการ 
• มูลค่า : 40,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  22,000ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   22,000  ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี เผยว่า ปีนี้ การเปิดโครงการใหม่ของบริษัท สูงเป็นสถิติใหม่ 27 โครงการแบ่งเป็นแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 33,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70%  เป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท  และ SC เป็นผู้นำในตลาดนี้  ส่วนคอนโดมิเนียมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเล รถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ วงเวียนใหญ่ และ  ทองหล่อ  ซึ่งจะทำให้ทั้งปีบริษัท มีโครงการพัฒนาเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 78 โครงการ มูลค่า 69,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบลงทุนที่ดินใหม่ในปีนี้ 11,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2025

อันดับ 7 บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH

• จำนวน :  15 โครงการ 
• มูลค่า : 29,520 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) :  33,000 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :   31,000   ล้านบาท 

บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจ้งว่า ปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564  ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว     11    โครงการ ,โครงการบ้านแฝด   4   โครงการ ,โครงการทาวน์เฮ้าส์      2     โครงการ   และ โครงการคอนโดมิเนียม      1  โครงการ ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2565 มีทั้งหมดประมาณ 89 โครงการ เป็นมูลค่ากว่า 82,900 ล้านบาท อีกบิ๊กมูฟที่น่าสนใจ คือ พบว่า มีการเตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท  และ งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 4,000 ล้านบาท 

อันดับ 8  บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (กลุ่ม บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ไทยแลนด์)

• จำนวน : 25 โครงการใหม่ 
• มูลค่า : 29,500 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) : 13,000  ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย :  25,000 ล้านบาท

นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ระบุว่าในปัจจุบันยอดขายไม่ได้สำคัญมากนัก เพราะก็ไม่สามารถประมาณการรายได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่า คือ ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของลูกค้าในการซื้อบ้าน ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการ ทาวน์โฮม 10 โครงการ,นีโอ โฮม บ้านแฝด จำนวน 2โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และ โครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ

โดยโครงการบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนของ City Home โครงการใหม่ใจกลางเมือง คือ โครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 (The Grand Vibhavadi 60) พร้อมเพิ่มสินค้าระดับบน Super Luxury อย่างแบรนด์ The Royal Residence จากแผนธุรกิจในปี 2565 จะเห็นว่าบริษัทได้มีการเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น และขยายเซกเมนต์ City Home ใจกลางเมือง รุกตลาดแนวราบของบริษัทมากขึ้น 

อันดับ 9 บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ANAN 

• จำนวน : 7 โครงการ 
• มูลค่า : 28,400ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) : 12,186 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย : 13,979 ล้านบาท

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อนันดา ระบุว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และมีทิศทางที่ดีขึ้น ปีนี้ มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน  7 โครงการ  มูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ ภายใต้ 7 โครงการใหม่นี้ อนันดาฯ  เตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียม  2    แบรนด์ใหม่ ครั้งแรก

ได้แก่  แบรนด์ โคโค่ พาร์ค พัฒนาเป็นโครงการ โคโค่ พาร์ค (COCO PARC) มูลค่าโครงการ 4,622 ล้านบาท (ANANDA X DUSIT )   / แบรนด์ คัลเจอร์ (ทองหล่อ ,จุฬา ) ขณะโครงการแนวราบมีแผนเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่  โครงการ อาร์เทล พระราม 9 (Artale Rama9)  โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End ใจกลางเมือง และNEW HOUSING BRAND  ติวานนท์ – แจ้งวัฒนะ แบรนด์โครงการบ้านใหม่ล่าสุดจากอนันดาฯ เป็นต้น 

อันดับ 10 บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หรือ SENA

• จำนวน : 49 โครงการ (รวมการควบรวมกิจการบมจ. เจ.เอส.พี พร็อพเพอร์ตี้)
• มูลค่า : 27,480 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดรายได้ (โอนกรรมสิทธิ์ ) : 12,186 ล้านบาท
• เป้าหมายยอดขาย : 13,979 ล้านบาท

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ระบุ ในปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ของเสนาที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญภายใต้กลยุทธ์ “SENA Next” มิติใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะการควบรวมกิจการบริษัท เจ.เอส.พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP จะเป็นผลให้เสนาขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ทั้งในกรุงเทพ - ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้ครอบคลุมทุกโลเคชั่น และมีจำนวนโครงการแนวราบมาเสริมทัพจำนวนมาก 

สำหรับผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ อื่นๆ เช่น  บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หรือ PF
มีแผนเปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 26,210  ล้านบาท /  บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท หรือ PSH เปิดโครงการใหม่เยอะขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่  31 โครงการ มูลค่า 16,300 ล้านบาท โดยกลุ่มโปรดักส์ยังคงกระจุกตัวอยู่ในระดับกลางเป็นส่วนมาก เช่น ทาวน์เฮ้าส์   ทำให้มูลค่าไม่ได้สูงโดดเด่น

ขณะ  บมจ. แอสเซทไวส์ หรือ ASW ปีนี้ เปิด 7 โครงการมูลค่า 12,400 ล้านบาท /บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวล ลอปเมนท์ หรือ LPN กลับมาลุยอีกครั้ง ที่ 16 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท  และ สุดท้าย บมจ. ลลิล  เตรียมเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง 10 – 12 โครงการ มูลค่า 7,000 – 8,000 ล้านบาท

ที่มา : บมจ.เสนา,บมจ.เอพี,บมจ.แสนสิริ