ทีเด็ด ‘เจ้าสัวเจริญ’  ปั้น‘วัน แบงค็อก’  ตึกสูงสุดในไทย

05 ส.ค. 2562 | 06:35 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2562 | 17:01 น.
15.8 k

 

 

เจ้าสัวเจริญเปิดทีเด็ด มหานครวันแบงค็อกบนถนนพระราม 4 ทุบสถิติตึกซิกเนเจอร์สูงที่สุดในประเทศไทย สะเทือนบัลลังก์คิงเพาเวอร์มหานคร-ไอคอนสยาม วอเตอร์ฟรอนท์

มิกซ์ยูสใจกลางเมืองปะทุเดือดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดทีเด็ด สร้างตึกสูงสะท้านฟ้า 430 เมตร เบียดแซง ตึกคอนโดฯ วอร์เตอร์ฟรอนท์ ไอคอนสยาม และ คิงเพาเวอร์ มหานคร กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของประเทศในแถบอาเซียน สร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับพื้นที่หากโครงการซุปเปอร์ทาวเวอร์ ความสูง 615 เมตร ของจี-แลนด์เดิม ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลซื้อไปไม่ขึ้นโครงการ

นอกจากตึกที่สูงที่สุดแล้วยังเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลกลางใจเมืองที่มีพื้นที่มากที่สุด มูลค่าสูงที่สุดและยังเชื่ออีกว่า ราคาขายต่อตารางเมตรที่ยังถูกอุบไต๋น่าจะสูงระดับเบอร์ต้นของประเทศ และหากโครงการนี้แล้วเสร็จ ที่นี่จะกลายเป็นมหานคร ที่มีเอกลักษณะเฉพาะ บนถนนพระราม 4 และหากเทียบกับ สุขุมวิทแล้ว มองว่า มีความต่าง แม้จะเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ เนื้อเดียวกัน แต่พระราม 4 มีรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินมุดใต้ดิน เข้าพื้นที่ ไม่มีโครงสร้างบดบังทัศนียภาพ ตามด้วยของแถม ปอดขนาดใหญ่สวนลุม” เนื้อที่ 360 ไร่ นอกเหนือไปจากการสร้างพื้นที่สีเขียวขึ้นเองกว่า 50 ไร่ เรียกว่า หายากและจะกระชากผู้คนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ ขณะแผนรองรับการเดินทางทางโครงการได้วางแผนขุดเจาะอุโมงค์เชื่อมทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ดินแดง-ท่าเรือ) การทำทางเท้า สกายวอล์ก เชื่อมระหว่างอาคาร อีกทั้งการลงทุนรถไฟรางเบาเชื่อมรถไฟฟ้าสายหลัก

ทีเด็ด ‘เจ้าสัวเจริญ’  ปั้น‘วัน แบงค็อก’  ตึกสูงสุดในไทย

จากการให้สัมภาษณ์ของ นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ดฯ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสขนาดใหญ่สุดในไทย ภายใต้ชื่อวัน แบงค็อก (One Bangkok)” กล่าวว่าโครงการนี้ จะมีส่วนช่วยสำคัญในเชิงการท่องเที่ยวและโอกาสทางธุรกิจของประเทศอย่างมาก ซึ่งโครงการ วัน แบงค็อก ที่มีความหลากหลาย และเชิดชูวัฒนธรรมไทยเป็นจุดขายนั้น จะเป็นส่วนสนับสนุนในการนำประเทศชาติไปสู่เวทีโลก และโดดเด่นในระดับอาเซียนได้ ภายใต้ศักยภาพทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งของบริษัท ทีซีซีฯ พร้อมเสริมด้วยประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของบริษัทร่วมทุน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ทำให้มั่นใจว่าโครงการดังกล่าว จะมีศักยภาพในการดึงดูดองค์กรชั้นนำเข้าเช่าพื้นที่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยอย่างแน่นอน            

ทั้งนี้ คาดจะมีคนใช้บริการหมุนเวียนในโครงการ 2 แสนคนต่อวัน โดยจุดเด่นสำคัญนอกจาก Signature Tower สูง 430 เมตร ซึ่งจะกลายเป็น 1 ใน 10 ตึกที่สูงที่สุดในอาเซียนแล้ว ยังอยู่ที่ทำเลที่ตั้ง บนใจกลางซีบีดีของกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ตลอดทั้งถนนมีความคึกคักสูงจากโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

 

 

 

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญ ต้องการให้โครงการ วัน แบงค็อก สร้างนิยามใหม่และพลิกโฉมพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ให้มีความโดดเด่น และดียิ่งขึ้นในสายตาชาวต่างชาติ เวทีโลก ในฐานะศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว และโอกาสทางธุรกิจอย่างครบวงจร สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศอาเซียนนั้น ขณะนี้ความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ทั้งหมด โดยพื้นที่เช่าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ใจกลาง กทม. 104 ไร่ หัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 จะถูกพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ซึ่งจะประกอบไปด้วย พื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียม รองรับบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ รวม 5 อาคาร, โรงแรมหรูหลากหลายเซ็กเมนต์ รวม 5 โรงแรม, ที่พักอาศัยระดับลักชัวรี 3 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ค้าปลีก 4 จุดเชื่อมต่อกัน และพื้นที่สาธารณะสำหรับการมุ่งเน้นให้เป็นศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่การทำธุรกิจท่องเที่ยว และพักผ่อนอยู่อาศัยในรูปแบบสมาร์ทซิตี โดยจะใช้ระยะเวลาพัฒนาแล้วเสร็จทั้งโปรเจ็กต์ต่อเนื่องนาน 9 ปี (แล้วเสร็จทั้งหมดปี 2569) โดยต้องการให้โครงการดังกล่าวเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ทั่วโลกดั่งที่เกิดขึ้นในมหานครอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มองว่ารูปแบบของโครงการดังกล่าว มีความสอดคล้องหลักกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย หลังจากขณะนี้รัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบขนส่งมวลชน ผ่านเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ รอบเมืองกรุงเทพฯ ระยะ 10 ปี, การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง, การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และอื่นๆ เป็นต้น

ทีเด็ด ‘เจ้าสัวเจริญ’  ปั้น‘วัน แบงค็อก’  ตึกสูงสุดในไทย

ถนนพระราม 4 เป็นความท้าทายของเราเช่นกัน หลังจากขณะนี้ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ หรือ โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับ กทม.เช่น การปรับปรุงทางเดินเท้า การนำเอาสายไฟฟ้าลงดิน การทำงานร่วมกับจุฬาฯ และสถาบันนวัตกรรมเรื่องรถไฟฟ้า ทั้งหมด เพื่อเสริมศักยภาพของโครงการ เพราะขณะเดียวกันบนถนนพระราม 4 นอกจากโครงการ วัน แบงค็อกแล้ว เรายังมีการลงทุนอีก 4 โครงการขนาดใหญ่ ทั้งอาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, โครงการสามย่าน มิตรทาวน์, โครงการ เดอะ ปาร์ค และโครงการปรับปรุงศูนย์สิริกิติ์แห่งใหม่ด้วย คาดมูลค่าที่จะเกิดขึ้นมหาศาล

 

 

 

 

โครงสร้างพื้นฐานสุดลํ้า  

นางสาวซู หลิน ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัน แบงค็อก ระบุว่า โครงการให้ความสำคัญอันดับแรกๆ กับการเข้าถึงและการเดินทางอย่างสะดวกสบาย ตัวโครงการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีนํ้าเงิน สถานีลุมพินี สะดวกต่อการเดินเข้าถึงทุกจุดของโครงการ พร้อมทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด จากฝั่งถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 รวมถึงทางเชื่อมโดยตรงกับทางด่วนซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ทางเข้าออกเชื่อมต่อโดยตรงกับชั้นใต้ดิน ซึ่งใช้ระบบบริหารจัดการจราจรอย่างชาญฉลาด ช่วยให้การหมุนเวียนด้านการจราจรภายในสะดวกง่ายดาย ทำให้ถนนหลักภายในโครงการปลอดโปร่งและปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้า ทั้งโครงการจะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางสุดลํ้าสมัย ซึ่งนับเป็นแห่งแรกของประเทศไทยสำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเอกชน ประกอบด้วยระบบทำความเย็น ระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ระบบการจัดการนํ้าและพลังงาน ควบคุมดูแลโดยศูนย์ข้อมูล (District Command Centre) และเซ็นเซอร์อันชาญฉลาดมากกว่า 250,000 ตัว ที่คอยบริหารจัดการทุกระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีเด็ด ‘เจ้าสัวเจริญ’  ปั้น‘วัน แบงค็อก’  ตึกสูงสุดในไทย

ซู หลิน ซู

ด้านนายอุรเสฎร์ นาวานุเคราะห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาสินทรัพย์ ระบุว่า ในส่วนของโครงการที่พักอาศัย (คอนโดมิเนียมหรู) โครงการแรกที่จะเปิดตัวในปี 2563 จำนวน 110 หน่วย ส่วนบนสุดของโรงแรม The Ritz-Carlton,Bangkok นั้น ยังไม่สามารถระบุราคาขายต่อตร.. ได้ แต่ยืนยันราคาและคุณภาพโปรดักต์จะมีความสอด คล้องกัน หลังจากปัจจุบัน ถนนพระราม 4-วิทยุ มีราคาขายของโครงการที่พักอาศัยสูงสุดระดับต้นของประเทศ และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาต่อเนื่อง เพราะจำนวนที่ดินและซัพพลายมีจำกัด อย่างไรก็ตาม จะเน้นพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ผู้ซื้ออยู่อาศัยจริง ซึ่งคาดส่วนใหญ่ 70% จะมาจากคนไทย ส่วนโรงแรม 5 แห่ง เป้าหมายเน้นลูกค้าต่างชาติระดับแตกต่างกัน

ขณะที่ส่วนอาคารสำนักงาน 5 แสนตร.. จะเป็นส่วนเติมเต็มความต้องการในตลาด ลดความหนาแน่นของดีมานด์บริษัท องค์กรระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นเป้าหมาย 70% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด เช่นเดียวกับส่วนพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่จัดการประชุม แสดงนิทรรศการ สำหรับบุคลทั่วไป อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการมหาศาล การพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส จะช่วยกระจายความเสี่ยงของการทำธุรกิจได้อย่างดี ขณะเดียวกันเป้าหมายของทั้ง 2 บริษัท มีวิสัยทัศน์ในการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่ระยะสั้น จึงไม่มีความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่เกิดขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจทั้งของไทยและของโลก

 

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,493 วันที่ 4-7 สิงหาคม 2562 

 

ทีเด็ด ‘เจ้าสัวเจริญ’  ปั้น‘วัน แบงค็อก’  ตึกสูงสุดในไทย