thansettakij
ศาลรธน.รับวินิจฉัย“ภูมิธรรม-ทวี” สั่งดีเอสไอทำคดีเลือก สว.

ศาลรธน.รับวินิจฉัย“ภูมิธรรม-ทวี” สั่งดีเอสไอทำคดีเลือก สว.

26 มี.ค. 2568 | 09:01 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2568 | 09:14 น.

ระทึก! ศาล รธน.มติเอกฉันท์รับวินิจฉัย “ภูมิธรรม-ทวี” สิ้นสุดความเป็น รมต.หรือไม่ ปมกลั่นแกล้ง-แทรงแซงสั่งดีเอสไอสอบ “ฮั้วเลือก สว.” แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 26 มี.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณา เรื่องที่ 8/2568 กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ 

โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และสมาชิกวุฒิสภา รวม 92 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) โดยกล่าวอ้าวอ้างว่า นายภูมิธรรม (ผู้ถูกร้องที่ 1) ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทวี (ผู้ถูกร้องที่ 2) ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เสนอเรื่องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. พ.ศ. 2567 ต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 25547

 

และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) 
เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (4) 

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา และให้ผู้ถูกร้องทั้งสองยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 54

ส่วนที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีขอให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ยังไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ในชั้นนี้ ยังไม่สั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่ แจ้งให้คู่กรณี ได้แก่ ประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) และนายภูมิธรรม (ผู้ถกร้องที่ 1) และ พ.ต.อ.ทวี (ผู้ถูกร้องที่ 2) ทราบ