คณะกรรมการพิจารณาโทษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์ไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยจะเสนอให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งต่อไป ซึ่งโทษดังกล่าวถือเป็นการลงดาบขั้นสูงสุดในทางวินัย ส่งผลให้ "แมวเก้าชีวิต" หมดสิทธิ์รับบำเหน็จบำนาญ
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาโทษ โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกคนร่วมเป็นกรรมการ ยกเว้น พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม
ผลการประชุมมีมติเอกฉันท์ให้ลงโทษไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งถือเป็นบทลงโทษขั้นสูงสุดในทางวินัยร้ายแรง โดยผลของการถูกไล่ออกจะทำให้ "บิ๊กโจ๊ก" ไม่มีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จบำนาญใดๆ ต่างจากกรณีปลดออกที่ยังมีสิทธิ์ได้รับเงินดังกล่าว
ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 125 กำหนดให้การลงโทษวินัยร้ายแรงแก่ข้าราชการตำรวจมี 2 สถาน คือ ปลดออก และไล่ออก โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้มีอำนาจไม่สามารถสั่งลงโทษได้ทันที จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาโทษเพื่อเสนอแนะก่อน
ความผิดวินัยร้ายแรงที่ "บิ๊กโจ๊ก" ถูกพิจารณาเข้าข่ายประพฤติชั่วร้ายแรง ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์การเป็นข้าราชการตำรวจและส่งผลกระทบต่อหน่วยงานราชการ
แม้คณะกรรมการพิจารณาโทษจะมีมติให้ไล่ออกแล้ว แต่กระบวนการทางกฎหมายยังไม่สิ้นสุด โดย "บิ๊กโจ๊ก" ยังมีโอกาสสู้ต่อใน 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. โดยสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)
2. ฟ้องศาลปกครองสูงสุด หาก ก.พ.ค.ตร. ยืนยันตามมติคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและคณะกรรมการกลั่นกรองโทษ "บิ๊กโจ๊ก" ยังสามารถใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้
3. การพิจารณาถอดยศ หากศาลปกครองสูงสุดยืนตามมติ ก.พ.ค.ตร. คดีในส่วนของโทษทางวินัยจะถึงที่สุด และจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาถอดยศตำรวจต่อไป
นอกจากนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ยังมีอีกหนึ่งคดีที่ค้างการพิจารณาในศาลปกครองสูงสุด คือ การร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งแม้จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ไว้แล้ว แต่ "บิ๊กโจ๊ก" ได้ยื่นคำร้องต่อ ก.พ.ค.ตร.
อย่างไรก็ตาม ก.พ.ค.ตร. มีมติว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้นชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ "บิ๊กโจ๊ก" ต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดได้ตีตกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวไปแล้ว
โดยสรุป แม้จะมีมติเอกฉันท์ไล่ออก แต่ "ชีวิตที่ 10" ของ "บิ๊กโจ๊ก" ยังอาจมีลุ้นได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ทั้งการอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. และการฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด แม้โอกาสจะริบหรี่ลงไปมากแล้วก็ตาม