ศาลปกครองสูงสุดเผยเบื้องลึกคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว“บิ๊กโจ๊ก”

05 มี.ค. 2568 | 15:03 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มี.ค. 2568 | 15:07 น.

ศาลปกครองสูงสุดเผยเบื้องลึกคำสั่งไม่คุ้มครอง “บิ๊กโจ๊ก” กรณีให้ออกจากราชการไว้ก่อน ทำไมต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่ตีตก เเย้มคดีหลักที่ให้ออกราชการจะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่ด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ปธ.ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัย เผยคดีวินัย-อาญาไม่กระทบการพิจารณาในศาล

วันที่ 5 มี.ค. 2568 ที่ ที่ห้องสัมมนา 2 (แนวลาด) ชั้นบี 1 ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด แถลงผลงาน ครบรอบ 24 ปี ศาลปกครอง 

โดยนายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นที่มีการถามถึงสาเหตุที่ประธานศาลปกครองสูงสุด พิจารณาให้นำประเด็นข้อกฎหมายในคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมาว่า คดีนี้กฎหมายกำหนดให้สามารถนำคดีฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้เลย ไม่ต้องฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น 

เมื่อศาลปกครองสูงสุดรับคดีไว้พิจารณา ทางผู้ฟ้องก็ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาฯ คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุดจะเหมือนกัน คือ การแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวองค์คณะจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งในศาลปกครองสูงสุดองค์คณะจะประกอบด้วยตุลาการ 5 คน

                        ประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด

ส่วนการนำเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด กฎหมายให้เป็นอำนาจของประธานศาลปกครองสูงสุด ที่เห็นว่ ามีข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายที่เป็นประเด็นอันสำคัญควรเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ จึงเป็นดุลพินิจของประธานศาลปกครองสูงสุด ที่นำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็มติที่ประชุมใหญ่มีคำสั่งให้ยกคำร้อง 

เมื่อถามว่าประธานศาลปกครองสูงสุดรู้แนวคำวินิจฉัยขององค์คณะทั้ง 5 ก่อนพิจารณานำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่หรือไม่ นายประวิตร กล่าวว่า กระบวนการทำคำพิพากษาของศาลปกครอง ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองชั้นต้น หรือ ศาลปกครองสูงสุด คำพิพากษาก็จะต้องตรวจสอบโดยในศาลชั้นต้นจะให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลปกครองชั้นต้น

ในศาลสูงก็จะให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบก่อนทุกคดี ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงคำพิพากษา เป็นระบบของศาลโดยทั่วไป แต่ไม่สามารถจะไปสั่งแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงความเห็นอะไรได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าประธานศาลปกครองสูงสุด หรือ รองประธานศาลปกครองสูงสุดที่รับมอบอำนาจ ก็จะรู้แนวคำวินิจฉัยขององค์คณะ 

โดยระบบ ก็เห็นว่ามีข้อกฎหมายข้อเท็จจริง ที่จะควรนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกว่า คดีไหนจะเข้าที่ประชุมใหญ่ 

ส่วนที่บอกว่าประธานสูงสุดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับองค์คณะหรือไม่ก็มี  แต่เรื่องนี้เห็นว่า เป็นคดีสำคัญ ที่ต้องวางหลักกฎหมายที่สำคัญ จึงควรให้ระดมความคิดโดยที่ประชุมใหญ่ ไม่จำเป็นว่าประธานจะต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับองค์คณะเท่านั้น

เมื่อถามต่อว่าในคดีวินัย หรือ คดีอาญาของอดีต รอง ผบ.ตร.ตอนนี้ที่กำลังดำเนินการอยู่ จะมีผลกระทบต่อคดีที่อยู่ในศาลปกครองสูงสุด เเละสามารถนำความคืบหน้ามายื่นเพิ่มได้หรือไม่ รองประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า ศาลปกครองมีอำนาจในคดีคำสั่งทางปกครอง เช่น คดีการลงโทษทางวินัย คดีการให้ออกจากราชการไว้ก่อน 

ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอาญาซึ่งมีโทษจำคุกไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง คดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในเวลานี้เป็นคดีให้ออกจากราชการไว้ก่อนคดีเดียว  แต่ถ้าต่อไปมีคดีสั่งให้ออก ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง ก็สามารถนำมาฟ้องเพิ่มเติมเป็นอีกคดี ศาลก็จะดูเงื่อนไขการฟ้องและเนื้อหาคดีต่อไป ซึ่งในส่วนคดีปกครองกับคดีอาญาก็จะเป็นคดีที่คู่กันมาเสมอ 

โดยเฉพาะเรื่อง ป.ป.ช.ชี้มูล ทำให้อาจจะมีคดีอาญาปะปนอยู่ด้วยซึ่งศาลปกครอง ก็ไม่ละเลยที่จะดูคดีอาญา และผลของคดีในส่วนอาญาที่ศาลตัดสินไว้แล้ว แต่ศาลปกครองก็มีดุลพินิจที่จะรับฟังพยานหลักฐาน โดยไม่ผูกพันกับคดีอาญานั้น แต่ก็จะเอามาประกอบ ไม่ได้ละทิ้ง แต่ต้องมีคู่กรณีนำเสนอมาให้ศาลได้เห็น

เมื่อถามว่าคดีนี้ศาลมีความหนักใจบ้างหรือไม่ เนื่องจากในชั้นคุ้มครองชั่วคราว ความเห็นขององค์คณะที่มีกระเเสข่าวหลุดมาก่อนเเละสุดท้ายมีความเห็นขัดกันกับมติของที่ประชุมใหญ่ นายประวิตร กล่าวว่าการทำงานของศาลจะว่ายากก็ยาก ไม่ยากก็ไม่ยาก แต่ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ไม่ว่าจะในองค์คณะหรือที่ประชุมใหญ่ก็ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ก็ไม่มีอะไรหนักใจ 

ส่วนเรื่องที่โดนกลับความเห็น มองว่า การเป็นตุลาการก็ต้องยึดมั่นในความเห็นตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับเสียงข้างมาก ตุลาการทุกคนจะต้องเจอแบบนี้ มีการแสดงความเห็นไป แต่เจอเสียงข้างมาก ก็ต้องจบตามเสียงข้างมาก ถ้าหนักใจก็คงหนักตั้งแต่เข้าทำงานใหม่ๆ แล้ว

เมื่อต่อว่าสุดท้ายเเล้วคำวิจฉัยคดีหลักจะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่ หรือต้องใช้เงื่อนไขเดียวกันหรือไม่ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตอบว่า อาจจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ แล้วแต่ประธานศาลปกครองสูงสุด คดีนี้รอบแรกในเรื่องวิธีการชั่วคราวมีการนำเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดไปแล้ว แต่ว่าเมื่อลงในเนื้อหาว่าคำสั่งให้ออกจากราชการชอบหรือไม่ ยังไม่ทราบว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่หรือไม่ เป็นดุลพินิจของประธานสำสูงสุด 

“หลักกฏหมายใช้คำว่า ประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นสมควร แต่ในทางปฏิบัติก็จะเห็นว่า เป็นคดีสำคัญ มีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ทุนทรัพย์สูง ประชาชนให้ความสนใจ ก็จะใช้เหตุต่างๆเหล่านี้”