เปิดคำสั่งศาลฯรับฟ้อง บอร์ด กปน. เชื่อมีเจตนาทำให้"วงษ์สยาม"ขาดคุณสมบัติ

26 พ.ค. 2567 | 20:10 น.
1.2 k

เปิดคำสั่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ รับฟ้อง "บอร์ด กปน." คดีประมูลโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ เชื่อมีเจตนาทำให้ "วงษ์สยามก่อสร้างฯ" ขาดคุณสมบัติ พร้อมนัดพิจารณาคดี 24 มิ.ย.นี้

จากกรณีที่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ฟ้อง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ สมัยดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการการประปานครหลวง และพวกรวม 30 รายในคดีโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ขนาด 800,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมงานที่เกี่ยวข้องสัญญา GE-MS5/6-9 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ชุดที่ 2)

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกนั่งพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท. 132/2566 ความอาญา ระหว่าง บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ที่ 1 กับพวกรวม 30 คน ในคดีคณะกรรมการพิจารณาการประกวดราคาร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมในการเข้าทำสัญญากับการประปานครหลวง (กปน.)

ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 จำเลยที่ 12 ถึงที่ 30 ไว้พิจารณาเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 83, 86, 151, 157, 368 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ข้อหาอื่นให้ยก พร้อมนัดสอบคำให้การและกำหนดวันนัดพิจารณาในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 9.30 น.

ในรายงานกระบวนการพิจารณา ศาลมีคำสั่งพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ประกอบข้อแถลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งคดีแล้วได้ความว่า

บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด (โจทก์) เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน

นายนิสิต จันทร์สมวงศ์

การประปานครหลวง (กปน.) เป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.การประปานครหลวง พ.ศ.2510 มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ บริหารงานตามระบบราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีผู้ว่าการประปานครหลวง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการการประปานครหลวง เป็นผู้บริหารกิจการของการประปานครหลวง

ขณะเกิดเหตุ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ จำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.2563 จนถึงปัจจุบัน

จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นกรรมการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.2563 จนถึงปัจจุบัน

จำเลยที่ 10 เป็นกรรมการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน

จำเลยที่ 11 เป็นกรรมการการประปานครหลวงดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2566 จนถึงปัจจุบัน (ถอนฟ้อง)

จำเลยที่ 12 ถึงที่ 15 เป็นกรรมการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.2563 จนถึงปัจจุบัน ,จำเลยที่ 16 เป็นผู้ว่าการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งเดือน ก.ย.2563 ถึงเดือน มิ.ย.2565 จำเลยที่ 16 เป็นผู้กระทำในนามของการประปานครหลวง

จำเลยที่ 17 เป็นผู้ว่าการการประปานครหลวง ดำรงตำแหน่งเดือน ก.ค.2565 ถึงปัจจุบัน, จำเลยที่ 18 เป็นรองผู้ว่าการการประปานครหลวง (วิศวกรรม) ได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565

จำเลยที่ 19 เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง

จำเลยที่ 20 เป็นผู้อำนวยการฝ่ายโครงการปรับปรุงกิจการประปา, จำเลยที่ 21 เป็นผู้อำนวยการกองผลิตและจ่ายน้ำฝ่ายโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์และธนบุรี, จำเลยที่ 22 เป็นผู้อำนวยการกองบริหารสัญญาโครงการฝ่ายบริหารโครงการ, จำเลยที่ 23 เป็นผู้อำนวยการฝ่ายโรงงานผลิตน้ำบางเขน, จำเลยที่ 24 เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง (สำนักบริหารโครงการ) ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 , จำเลยที่ 25 เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ (บำรุงรักษา)

จำเลยที่ 26 เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง (ระบบผลิตน้ำ) , จำเลยที่ 27 พนักงานการประปานครหลวง, จำเลยที่ 28 เป็นผู้อำนวยการกองงานโครงการและฝ่ายบริหารโครงการ, จำเลยที่ 29 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ข้อมูลทางด้านกายภาพ เช่น ข้อมูลปริมาณน้ำบนดิน ปริมาณน้ำใต้ดิน ฯลฯ และจำเลยที่ 30 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 29

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 และจำเลยที่ 12 ถึงจำเลยที่ 30 กระทำการมีมูลความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ 

เห็นว่า คดีนี้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โจทก์ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา 83, 86, 151, 157, 364 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 อ้างว่า โจทก์มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนและเป็นผู้ยื่นเสนอราคาต่ำที่สุด

จำเลยจะต้องประกาศให้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด  (โจทก์) เป็นผู้ชนะการประกวดราคาในโครงการการประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ขนาด 800,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมงานที่เกี่ยวข้องสัญญา GE-MS5/6-9 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ชุดที่ 2)

ได้ความตามทางไต่สวนจากพยานโจทก์ นายสมศักดิ์ ภู่สกุล รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ตามบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงฉบับวันที่ 24 ธ.ค.2566 ว่า

...ตามหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์เอกสารหมาย จ.24 การประปานครหลวงจะต้องดำเนินการกลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป หมายความว่า ให้การประปานครหลวงต้องกลับไปพิจารณาผลการเสนอราคาอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ตามประเด็นอุทธรณ์

โดยพิจารณาว่า ผู้อุทธรณ์ทั้งสองราย ได้ยื่นหนังสือรับรองผลงานเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ 2.11 ทั้งสองราย แล้วพิจารณาให้ผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นผู้ชนะการเสนอราคาต่อไป

คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถือเป็นที่สุดตามนัย มาตรา 119 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จะกลับไปตรวจสอบคุณสมบัติอื่นๆ ของผู้ยื่นข้อเสนอที่อุทธรณ์ฟังขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยอ้างว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบไม่ได้...

และนายสมศักดิ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เบิกความตอบศาลถามว่า กรรมการพิจารณาผลมีหน้าที่ทำรายงานเสนอต่อหัวหน้าหน่วยงานให้ความเห็นชอบเพื่ออนุมัติให้สั่งซื้อสั่งจ้าง สำหรับผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นลำดับที่ 1 ไม่อาจจะเรียกผู้เสนอราคาอันดับที่ 2 ที่ 3 เข้าทำสัญญา

หากเรียกผู้เสนอราคารายราคาต่ำสุดอันดับที่ 1 ให้มาทำสัญญา แล้วไม่มา จึงเรียกผู้เสนอราคาต่ำสุดอันดับ 2 และอันดับ 3 เข้าทำสัญญาเป็นลำดับ

เปิดคำสั่งศาลฯรับฟ้อง บอร์ด กปน. เชื่อมีเจตนาทำให้\"วงษ์สยาม\"ขาดคุณสมบัติ

การที่คณะกรรมการใช้ดุลพินิจเรียกผู้เสนอราคาแตกต่างไปถือว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ถึงที่ 8 ที่ 16 ที่ 18 ถึง 20 ที่ 24 และที่ 25 ขออนุญาตศาลถามว่า ระบบ e-bidding ใช้เกณฑ์ราคาต่ำจะเปิดราคาพร้อมเอกสารของผู้เสนอราคา ดังนั้น ข้อเท็จจริงในคดีนี้ราคาย่อมเปิดเผยพร้อมความถูกต้องของเอกสาร

พฤติการณ์แห่งคดีบ่งชี้ให้เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกทราบดีทุกขั้นตอนในการดำเนินการประกวดราคาในคดีนี้ว่า ตามขั้นตอนการพิจารณาผลการประกวดราคา จำเลยที่ 19 ถึงที่ 23 ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว และผลการพิจารณา บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด (โจทก์) เป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนเสนอราคาต่ำสุด ซึ่งการประปานครหลวง ควรประกาศให้โจทก์เป็นผู้ชนะการประกวดราคา

แต่จากพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มีเหตุให้เชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาร่วมกันที่จะทำให้โจทก์ขาดคุณสมบัติ ไม่ได้รับการคัดเลือก เพื่อช่วยให้บริษัท ITA Consortium เป็นผู้ชนะการประกวดราคา

การร่วมกันกระทำการดังกล่าวบรรยายมาในฟ้อง จำเลยที่ 1 กับพวกทุกคน ได้ร่วมกันกระทำการต่างๆ ในลักษณะประวิงเวลาการปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ได้มีคำสั่งให้ จำเลยที่ 1 กับพวกทุกคนร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดราคาและพิจารณาในส่วนขั้นตอนการพิจารณาราคา

เมื่อพิจารณาประกอบเอกสารประกวดราคาจ้างก่อสร้าง ได้กำหนดไว้ในข้อ 6 หลักเกณฑ์และสิทธิในการพิจารณาประกอบกับข้อ 3.2 ส่วนที่ 2(1)-(3) เอกสารทั้งหมดที่ได้ยื่นข้อเสนอจะต้องผ่านการตรวจสอบพร้อมกัน จึงเป็นการยืนยันว่า การประปานครหลวงได้ตรวจสอบเอกสารและข้อเสนอทางเทคนิคจนครบถ้วนแล้ว

การขอให้บริษัทชี้แจงเพิ่มเติมอีก ย่อมไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ที่สั่งให้การประปานครหลวงกลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องเท่านั้น

พฤติการณ์แห่งคดี จึงมีมูลที่ศาลจะรับคดีไว้เพื่อดำเนินการต่อไปได้ คดีโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 , จำเลยที่ 12 ถึงที่ 30 ไว้พิจารณาเฉพาะข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 83, 86, 151, 157, 368 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ข้อหาอื่นให้ยก

เปิดคำสั่งศาลฯรับฟ้อง บอร์ด กปน. เชื่อมีเจตนาทำให้\"วงษ์สยาม\"ขาดคุณสมบัติ

 

ส่วนคำขอตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502  มาตรา 3 "พนักงาน" หมายความว่า ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการหรือ บุคคลผู้ปฏิบัติงานในองค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งทุนทั้งหมดหรือทุนเกินกว่าร้อยละ 50 เป็นของรัฐโดยได้รับเงินเดือนหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นจากองค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

ทั้งนี้นอกจากผู้เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย เมื่อ พ.ร.บ.การประปานครหลวง กำหนดความเป็นเจ้าพนักงานไว้ การกระทำของจำเลย จึงไม่อาจปรับบทเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้อีก

ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ พ.ศ.2542 และพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 120, 121 รัฐเท่านั้นที่จะเป็นผู้เสียหายในการฟ้องคดีต่อผู้กระทำผิด ผู้เข้าร่วมเสนอราคาได้อยู่ในฐานะผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีเองได้จึงไม่อาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามข้อนี้ได้ตามฎีกา 8771/2557