นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวชี้แจงในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาระบบดิจิทัลของประเทศนั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญ โดยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น ดิจิทัล วอลเล็ต National Blockchain และ E-Government ซึ่งเรามีความตั้งใจที่จะให้เอาระบบเหล่านี้มารวมกันเป็น Digital Government อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงภาคเศรษฐกิจและภาคการบริการ และเพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนให้มากขึ้น
เรื่องแรกเรื่องก็ Cloud First เป็นแนวทางที่รัฐบาลได้จัดทำรายละเอียดไปแล้ว ได้วางกรอบในการขยายเรื่องของ Cloud ซึ่งเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเน้นการสร้างคลาวด์สาธารณะ หรือ พับบิคคลาวด์ และ คลาวด์ส่วนตัว หรือ ไพรเวท คลาวด์ ที่มีมาตรฐานในการดูแลข้อมูลภาครัฐที่มีเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นรัฐบาลมีโครงการที่จะดึงบริษัทชั้นนำทั่วโลก มาลงทุน คลาวด์ ดาต้าในประเทศไทย และจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เรื่องการปรับแนวทางในการจัดซื้อจัดจ้างเราจะใช้คลาว์ เพื่อให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เปิดช่องทางให้มีการเช่าพื้นที่บริการ ในเรื่องของการจ้างเขียนโปรแกรมที่หลายคนเป็นห่วงจะหมดไป
สำหรับ Digital ID ขณะนี้กฎหมายได้มีมาตรฐานรับรองไว้แล้ว ในด้านการบริการมีทั้ง Thai ID และ NDID ซึ่งเป็นระบบยืนยันตัวตนของผู้ให้บริการในระบบอินเตอร์เน็ต ให้สามารถทำธุรกรรมทางโลกออนไลน์ต่างๆได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการขยาย Used Case ซึ่งจะทำให้ระบบนี้ติดต่อสามารถดำเนินการผ่านรัฐและติดต่อค้าขายได้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องของ Smart City หรือเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ระดับเมือง เราได้ส่งเสริมการนำข้อมูล Big Data เข้ามาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ โดยเชื่อมโยงข้อมูลเมืองในแต่ละชั้นข้อมูลและรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน City Data Platform ซึ่งเป็นวิธีที่สำคัญในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่มีอัจฉริยะ
นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ทำ Health Link บัตรประชาชนใบเดียวสามารถรักษาได้ทุกโรงพยาบาลนอกจากนั้นแล้วยังสามารถเช็คข้อมูลประวัติข้ามโรงพยาบาลได้ นอกจากนี้ยังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลท่องเที่ยว Travel Link แสดงให้เห็นการทำงานระหว่างข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปอีกว่า เรากำลังเตรียมการทำ Digital Government โดยจัดทำแผนแม่บทในการบูรณาการในเรื่องของความแตกต่างของแต่ละกระทรวงมาพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยทำซูเปอร์แอปที่รวมทุกแพลตฟอร์มของภาครัฐ ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งจะทำทั้งเลเยอร์ที่เป็นโครงสร้าง และเลเยอร์ในส่วนของพัฒนา ซึ่งในอนาคตจะเกิดการเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน ไม่มีการแยกข้อมูลให้ประชาชนได้เกิดความสับสนและซับซ้อน ส่วนเรื่องโอเพ่น ซอร์ซ ได้มีการศึกษาไว้แล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ