ปปช.เปิดเซฟ “ธวัชชัย เทิดเผ่าไทย "อู้ฟู่ 436 ล้าน "ทวีเกียรติ" รวย 22 ล้าน

30 มี.ค. 2566 | 12:36 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มี.ค. 2566 | 13:01 น.

ปปช.เปิดเซฟ “ธวัชชัย ” หลังพ้นตำแหน่ง กกต.รวย 436 ล้าน ไม่มีหนี้ แจ้งสลากออมสิน 49 ล้าน ภรรยาถือครองแทนบิดามารดา ส่วน “ทวีเกียรติ” รวย 22 ล้าน ถือสิทธิหนังสือกฎหมาย-สะสมทองคำแท่ง 92 บาท

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2 ราย คือ นายธวัชชัย  เทิดเผ่าไทย    กรรมการการเลือกตั้ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม  2565     และนายทวีเกียรติ  มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ    กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 28 มกราคม  2566
    

โดยนายธวัชชัย   พร้อมด้วยนางดนุชา  เทิดเผ่าไทย   แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 436,412,852 บาท ไม่มีหนี้สิน  แบ่งเป็นทรัพย์สินนายธวัชชัย 146,862,852 บาท   ประกอบด้วย เงินฝาก 10,072,852 บาท   ที่ดิน 21 แปลง 121,050,000 บาท    ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง และ  อ.ปลวกแดง จ.ระยอง, อ.คอลงใหญ่ จ.ตราด, อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นต้น

ส่วนยานพาหนะ 5,040,000 บาท   เป็นรถยนต์อีซูซุ 1 คัน รถยนต์เบนซ์ จีแอลซี 1 คัน   ทรัพย์สินอื่น 10,700,000 บาท      โดยเป็นพระเครื่องทั้งหมดรวม 43 องค์     ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 289,550,000 บาท  

ประกอบด้วย เงินฝาก 49,000,000 บาท ที่ดิน 11 แปลง 234,300,000 บาท   ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และ ยานพาหนะ 6,250,000 บาท เป็นรถยนต์ฮอนด้า 1 คัน รถยนต์เบนซ์ เอ็มแอล 1 คัน

นายธวัชชัย  เทิดเผ่าไทย  อดีตกรรมการการเลือกตั้ง

ที่น่าสนใจ คือ  นายธวัชชัย แจ้งว่า สลากออมสินของคู่สมรส มูลค่า 49,000,000 บาท  นั้นเป็นสลากที่คู่สมรสถือครองแทนบิดามารดาคู่สมรส โดยใช้เงินฝากและสลากออมสิน  ตามบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง กกต.ไปจัดซื้อ ซึ่งเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินที่รายงานตอนเข้ารับตำแหน่ง

แท้จริงแล้วคือเงินของบิดามารดาของคู่สมรส ที่ให้ถือครองแทน  สาเหตุที่แจ้งว่าเป็นทรัพย์สินของคู่สมรสเพราะตนได้บอกให้ภรรยาว่าถ้ามีเงินฝากหรือเงินที่ไปลงทุนที่เป็นชื่อของภรรยาให้รายงานบัญชีทรัพย์สินไปทั้งหมด   โดยที่ภรรยาไม่ได้บอกให้ตนทราบว่าเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินแท้จริงแล้วเป็นเงินของบิดามารดาหรือเงินกงสี   ที่ให้ภรรยาตนถือครองแทน

ตนจึงได้รายงานบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง กกต. โดยไม่ได้มีหมายเหตุอธิบายให้เข้าใจ เป็นเพราะความเข้าใจผิดของตน และไม่ได้สอบถามรายละเอียด


    อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 2,913,157 บาท   แบ่งเป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง 2,753,157 บาท   เบี้ยประชุม 160,000 บาท โดยมีรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท    ส่วนคู่สมรสไม่แจ้งรายได้ แต่แจ้งรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท

  นอกจากนั้นนายธวัชชัย   ยังแจ้งว่า เคยดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสังกัดองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2559   ก่อนเข้ารับตำแหน่ง กกต. ในปี 2561    ขณะที่คู่สมรสไม่ได้แจ้งว่ามีตำแหน่งในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ   หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนแต่อย่างใด 

นายทวีเกียรติ  มีนะกนิษฐ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนนายทวีเกียรติ พร้อมด้วย นางรจนากร มีนะกนิษฐ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิน 22,762,254 บาท หนี้สิน 1,467,882 บาท โดยแบ่งเป็นทรัพย์สินของ นายทวีเกียรติ 11,798,528 บาท   ประกอบด้วย เงินฝาก 788,128 บาท เงินลงทุน 3,950,500 บาท  ที่ดิน 1 แปลง 2,500,000 บาท   ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครนายก  

 ส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 รายการ 1,500,000 บาท   เป็นห้องชุด ย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี ยานพาหนะ 300,000 บาท และทรัพย์สินอื่น 2,760,000 บาท โดยเป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 92 บาท  

นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีสิทธิและสัมปทาน(หนังสือ) ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอ้างอิง, สังคมกับกฎหมาย, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทั่วไป, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ    ซึ่งไม่ได้แจ้งมูลค่า   ส่วนหนี้สินแจ้งว่าเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,467,882 บาท 


ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 10,963,626 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,169,856 บาท เงินลงทุน 953,760 บาท   ที่ดิน 1 แปลง 4,400,000 บาท ในพื้นที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี    ส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 รายการ 3,550,000 บาท เป็นห้องชุด ในย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี ยานพาหนะ 890,000 บาท 
    
อย่างไรก็ตามนายทวีเกียรติ แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 2,994,606 บาท   แบ่งเป็น เงินเดือน 983,040 บาท เงินประจำตำแหน่ง / ค่ารับรอง 1,200,000 บาท   เงินบำนาญ 465,966 บาท และเงินค่าลิขสิทธิ์ 345,600 บาท   โดยมีรายจ่ายต่อปี 920,000 บาท  

 ส่วนคู่สมรส แจ้งว่าเป็นข้าราชการบำนาญ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข    มีรายได้ต่อปี 530,439 บาท เป็นเงินบำนาญทั้งหมด มีรายจ่ายต่อปี 430,000 บาท