"บิ๊กตู่" ปลื้ม มิชลินไกด์ ยกไทย “ดินแดนสวรรค์ด้าน Street Food”

24 พ.ย. 2565 | 10:16 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2565 | 17:54 น.

นายกฯ สุดปลื้ม “มิชลินไกด์” ประเทศไทย ประจำปี 66 เลือกร้านอาหาร-Street Food ไทย กว่า 189 ร้าน ยกไทยเป็น “ดินแดนสวรรค์ด้าน Street Food”

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบและยินดีกับร้านอาหารและ Street Food ไทยที่ได้รับการคัดเลือก จาก มิชลิน ไกด์ (MICHELIN Guide) ประเทศไทย ประจำปี 2566

 

ให้ได้รับสัญลักษณ์ “บิบ กูร์มองด์” (Bib Gourmand) จำนวน 189 ร้าน สะท้อนศักยภาพ และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่ได้รับการยอมรับ อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

สำหรับ ร้านอาหาร และ Street Food ไทยทั้ง 189 ร้าน มีร้านที่ได้รับการคัดเลือกครั้งแรก 53 ร้าน และร้านที่ได้รับการเลื่อนระดับจากปีก่อน 6 ร้าน แบ่งเป็นรายจังหวัด

 

ดังนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 82 ร้าน, อยุธยา 13 ร้าน, เชียงใหม่ 27 ร้าน, ภูเก็ต 23 ร้าน, พังงา 11 ร้าน, นครราชสีมา 9 ร้าน, อุบลราชธานี 6 ร้าน, อุดรธานี 7 ร้าน และขอนแก่น 11 ร้าน

 

นายอนุชา กล่าวถึง เกณฑ์การคัดเลือกจะต้องผ่านการประเมินทั้งสิ้น 5 ปัจจัย ได้แก่ 1. คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ 2. ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการรังสรรค์อาหาร 3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่นำเสนอผ่านมื้ออาหาร 4. ความ

 

ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของอาหารไทยที่โดดเด่น โดยเฉพาะร้านอาหารประเภท Street Food รวมทั้งยังได้รับการชื่นชมจากผู้จัดทำคู่มือมิชลิน ไกด์ ว่า วัฒนธรรมอาหารไทยเป็น “ดินแดนสวรรค์ของ Street Food” (Ultimate street food haven) ที่มีการนำเสนออาหารอร่อย มีความหลากหลายของรสชาติ และสร้างประสบการณ์ในการทานอาหารได้อีกด้วย เนื่องจากสามารถพบเห็นทุกแห่งทั่วประเทศไทย

 

 

รัฐบาลคำนึงถึงการส่งเสริมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่งการคัดเลือกจาก มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่สามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ทั้งประเทศ และส่วนของท้องถิ่น

 

เช่นเดียวกับการนำเสนออาหารไทย ในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำเขตเศรษฐกิจ และผู้นำประเทศที่เข้าร่วมชื่นชมและประทับใจเป็นอย่างมาก

 

ถือว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ สอดแทรก Soft Power ในสาระ รูปแบบ และพิธีการของการจัดประชุมได้อย่างดี ในระดับนานาชาติ ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งเสริมการบริโภคได้อีกมาก