พรรคสร้างอนาคตไทยดัน“อันดามันเวลเนสคอริดอร์”ปั้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

17 ก.ย. 2565 | 14:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2565 | 21:27 น.

“พรรคสร้างอนาคตไทย”เร่งสรุปข้อมูลเวทีเสวนา“อันดามันรุ่ง ประเทศรอด”จัดทำชุดนโยบายตรงตามความต้องการของคนในพื้นที่ เล็งปัดฝุ่นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “อันดามัน เวลเนส คอริดอร์”

ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก วันนี้(17 ก.ย.65) ระบุว่า จากการที่พรรคสร้างอนาคตไทยจัดเวทีสานเสวนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา พรรคฯได้รับทราบข้อมูลตรงจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งภาคประชาชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นักธุรกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำมาประมวลเป็นนโยบาย และมอบหมายให้ทีมงานในพื้นที่ของพรรคฯ ไปทำงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกับทุกภาคส่วน เพื่อยืนยันว่านโยบายที่ได้นั้นมีการขับเคลื่อน และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ฝั่งอันดามันได้อย่างแท้จริงต่อไป

จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันของผู้ร่วมเวที ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของคนฝั่งอันดามัน ที่ต้องการจะพัฒนาบ้านเมืองของตนเองเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้ที่ผ่านมามีหลายโครงการดีๆ ของภาคประชาชนที่ร่วมกันผลักดัน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปถึงพรรคการเมือง และผ่านกลไกของรัฐ แต่น่าเสียดายที่โครงการเหล่านั้นไม่ได้ร้บสนับสนุนอย่างจริงจัง  ทำให้อย่างน้อยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ภาคใต้ไม่สามารถเปล่งศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งหลายเรื่องยังกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง


ตัวอย่างกรณีโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งในช่วงหลังจากที่โควิดผ่อนคลาย เรื่องสุขภาพ หรือ  wellness  เป็นเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก ทั้งภูเก็ต พังงา และกระบี่ กำลังเร่งพัฒนาเรื่องนี้ เช่น โครงการ Andaman Wellness Corridor (AWC )  ซึ่งผมและทีมงาน พรรคฯเห็นว่า หากเราสนับสนุนการทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง รับรองว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเราจะไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ผมและคณะยังได้ลงพื้นจังหวัดพังงา พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการ พี่น้องในชนชุมชนท่องเที่ยว ก็ได้เห็นพ้องต้องกันว่า วันนี้ต้องเร่งยกระดับการท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย โดยเชื่อมต่อการคมนาคมให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวที่ร้อยเรียงสอดรับกันทั่วพื้นที่ทั้ง 6 จังหวัดฝั่งอันดามันและยึดโยงกับจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เพื่อเปิดมิติ หรือ สินค้าใหม่ทางการท่องเที่ยว และกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนฐานราก ให้เป็นพลังในการช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศต่อไป

                            พรรคสร้างอนาคตไทยดัน“อันดามันเวลเนสคอริดอร์”ปั้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

"พรรคสร้างอนาคตไทย ขอขอบคุณพี่น้องทุกท่าน ที่เปิดโอกาสให้ไปรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รวมทั้งแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่อันดามันยึดโยงไปกับพื้นที่อื่นๆ ทางภาคใต้ ผมเชื่อว่าการที่พรรคสร้างอนาคตไทยมีความมุ่งมั่นอาสาคิดและทำเพื่ออันดามัน สุดท้ายคนอันดามันและชาวภาคใต้ ก็จะเห็นเองว่าใครเป็นใคร ที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง"

                                พรรคสร้างอนาคตไทยดัน“อันดามันเวลเนสคอริดอร์”ปั้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในวันนี้ (17 ก.ย.65) เช่นกันว่า ได้มาบ้านสามช่องเหนือ พังงา ครั้งแรกก็ประทับใจมากๆ ครับ หลายท่านที่ได้เคยมาแล้วคงมีความรู้สึกเดียวกัน


หลังจากงานเสวนาที่ภูเก็ตวันก่อน ผมและคุณอุตตม ก็ได้มาที่พังงาต่อ เพื่อมารับฟังข้อความเห็น และข้อมูลจากผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนในด้านการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับการท่องเที่ยวยลวิถีที่นี่ และในพื้นที่อื่นของพังงาครับ


ที่สามช่องเหนือนี่เราได้สัมผัสวิถีชุมชน อยู่ติดทะเล สวยงามและเงียบสงบ ได้บรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่อื่น ทั้งวิวสวยๆและการได้ทำกิจกรรมที่ชุมชนเตรียมไว้เพื่อให้คณะเราได้เรียนรู้ ซึ่งดีมากๆ ครับ

                                พรรคสร้างอนาคตไทยดัน“อันดามันเวลเนสคอริดอร์”ปั้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ขอขอบคุณน้ำใจไมตรีของทุกท่านที่มาต้อนรับ เป็นอย่างดีรวมทั้ง คุณชาญวิศว์ บรรจงการ (พี่เป้า) ผู้แสดงเจตนารมณ์เป็นผู้สมัครของเราที่พังงา ที่มาร่วมกันลงพื้นที่วันนี้


ผมอยากชวนทุกท่านที่ยังไม่เคยมาให้ได้มาเที่ยวที่นี่ ผมเชื่อว่าทุกท่านจะประทับใจเหมือนผม



“สมคิด"เปิดแนวทางพัฒนาอันดามัน 


ด้านเพจเฟซบุ๊ก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย  ได้โพสต์การกล่าวปาฐกถาของ ดร.สมคิด ที่จ.ภูเก็ต ระบุว่า เกือบ 15 ปีแล้วที่เราวนอยู่ในอ่าง ทะเลาะเบาะแว้งกัน แบ่งค่าย แบ่งฝักแบ่งฝ่าย วันที่มีการเริ่มต้นของการแบ่งฝ่ายเราไม่ว่ากัน เหตุการณ์ขณะนั้นอาจเป็นอย่างนั้น แต่มันลากยาวจนเกินไปแล้ว ยาวจนกระทั่งประเทศชักจะไปไม่ไหว คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาอีกเยอะ แล้วเราจะมาวนอยู่ในอ่างทำไม ไม่มีประโยชน์อะไรเลย 


อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเรามีทุกอย่างพร้อมจริงๆ ทรัพยากรมีมาก ศิลปวัฒนธรรมเรามีพร้อม เพียงแต่เราไม่มีโอกาสใช้มันได้เต็มศักยภาพ มีการเมืองระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่สามารถใช้มันให้เกิดผลเต็มที่ได้ เราไม่ควรแบ่งข้าง คิดต่างได้ แต่หาจุดลงตัว นั่นคือทางออก มันคือเหตุผลที่ตนกลับมา ไม่ได้กลับมาอยากมีตำแหน่ง มันมีครบถ้วนเพียงพอแล้ว แต่ดูแล้วบ้านเมืองลำบากจริงๆ ตนดีใจที่ได้เห็นวันนี้ ทั้งหมดที่ตนฟังจากตัวแทนผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่ เราต้องการภารกิจอยู่ 2 ข้อ 1.ขอให้มีการกอบกู้อันดามัน 2.ขอให้มีการสร้างอนาคตของอันดามัน แค่นี้เอง ที่เหลือเป็นรายละเอียดปลีกย่อย


 ในช่วงที่เกิดสึนามิที่เขาหลัก จ.พังงา เหลือแต่ซากก็ยังมีความช่วยเหลือลงมาได้ แต่ครั้งนี้เป็นสึนามิที่มองไม่เห็น และกำลังผลักดันทุกอย่างพังไปทีละราย ธนาคาร สถาบันการเงินและหน่วยงานของรัฐจะนั่งรอดูให้ล้มไปทีละรายได้อย่างไร คนไทยทั้งนั้น ตอนเกิดโควิด-19 ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะลากยาวขนาดนี้ ตอนมันเริ่มต้นคิดว่า 2-3 เดือนคงจบแล้ว ที่ไหนได้วัคซีนดีๆ ยังไม่มาสักที มันถึงลากยาวมาถึงวันนี้ สงครามยังมีแนวโน้มจะเกิดอีก เศรษฐกิจมืดมัวกว่านี้อีก จะปล่อยไว้ได้อย่างไร ภารกิจเหล่านี้พรรค สอท.มารับใช้ประชาชน


ดร.สมคิด กล่าวว่า จากที่ได้ฟังเสียงสะท้อนในการเสวนาครั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกต ประการแรก ดีใจที่เรียกอันดามันไม่ใช่ภูเก็ต เพราะในอนาคตข้างหน้าทุกแห่งในโลกจะแข่งด้วยท่องเที่ยว โลกทั้งโลกไม่ได้มีแค่ภูเก็ต ไม่ได้มีแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง 
สิ่งที่ต้องคิดคือ สิ่งที่มีของเราจะรักษามันไว้อย่างไร

 

แต่สำคัญกว่าคือจะระดมจุดแข็งทั้งหลายให้มีพลังได้อย่างไร เรามีไข่มุกเม็ดงามอยู่สามเม็ด ไม่ได้มีแค่เม็ดเดียว ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และ กระบี่ ถ้ารู้จักร้อยไข่มุกเป็นสายสร้อยมุกจะได้สายสร้อยที่สวยงามมาก นำจุดเด่นของสามจังหวัดรวบรวมกันเข้ามาเป็นแพคเกจ ประสานงานร่วมมือกัน เป็นแพคเกจส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเหมือน และสามารถเชื่อมโยงได้อีกสามเม็ด คือ ระนอง ตรัง และสตูล สามารถเชื่อมโยงท่องเที่ยวกับภาคเกษตร ภาคประชาชน 

                              พรรคสร้างอนาคตไทยดัน“อันดามันเวลเนสคอริดอร์”ปั้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
และอีกจำนวนมาก ทำไมถึงไม่คิดที่จะทำ อาจเคยคิดในอดีตแต่ความสมานฉันท์ยังไม่มี วันนี้โอกาสดีแล้วที่จะสมานฉันท์ร่วมกัน ย้ำว่าการเชื่อมโยงสำคัญที่สุด หากมีระบบคมนาคมที่รวดเร็วจะทำให้เสมือนว่าอยู่ที่เดียวกัน เช่น รถไฟรางเบาที่ทำได้โดยไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เงินอยู่ในโลกก็ไปดึงเข้า มันอยู่ที่ผู้นำจะไปประมวลดึงการลงทุนทั้งไทยและเทศมาได้หรือไม่ ขออย่างเดียวทำให้เกิดได้ก็พอ


“รถไฟไทย-จีนกว่าจะคืบได้ ลาวเสร็จไปถึงคุนหมิงแล้ว เพราะมัวแต่ทะเลาะกัน วันนี้เราได้แต่นั่งมองลาวตาปริบๆ หากเป็นอย่างนี้จะลำบากมาก การเชื่อมโยงรถไฟและถนนต้องทำให้ได้ จากสงขลามาภูเก็ตล่อไป 7 ชั่วโมง ภาคใต้มี ส.ส.มาตลอด ส.ส.ทำอะไร ผมนั่งอยู่ใน ครม.ไม่ได้ยินสักแอะเลย มีแต่ประกันรายได้ ประกันทั้งปีเลย ของหมูๆอย่างนั้นใครๆก็ทำได้ ว่าจะไม่ว่าแล้วเชียว” ดร.สมคิด กล่าว


ดร.สมคิด กล่าวว่า ประการที่สอง ต้องใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับฐานราก สร้างความเท่าเทียมกัน อันดามันตอนพีคสูงสุดมีนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่แถวชายหาด เราไม่มีไว้ให้ฝรั่งอาบแดดอย่างเดียว แต่เขาต้องการเห็นชีวิตวัฒนธรรม เห็นธรรมชาติ นี่คือแนวโน้มใหม่แน่นอน ชุมชนต้องได้รับการพัฒนา งบพัฒนาต้องไปให้ถึง 

 

ในกองทุนสร้างอนาคตไทยมีส่วนหนึ่งที่ไว้สร้างอนาคต หมู่บ้านละสามแสนบาทจะลงไปเพื่อให้แต่ละหมู่บ้านมีสิทธิคิดว่าจะเอาไปพัฒนาอะไรบ้าง ไม่ใช่มาจากส่วนกลาง ตัดสินแต่รัฐมนตรี เพราะรัฐมนตรีจากพรรคไหนยังไม่รู้เลย เขารู้ได้อย่างไรว่าหมู่บ้านไหนต้องการอะไร เมืองไทยจริงๆแล้วอะเมซิ่งมาก แต่มีกฎหมายที่ไหนเยอะเท่าเมืองไทย ระบบป้องกันคอร์รัปชันสร้างกฎหมายมาป้องกัน แต่กลายเป็นการมัดตราสังข์ เงินท้องถิ่นเงินของเขาแท้ๆ ทำอะไรไม่ได้ต้องไปขอกระทรวงมหาดไทย มันอะไรกัน 


จึงอยากชวนให้สมัครเป็นสมาชิกพรรค สอท. เห็นหน่วยก้านแล้ว ยืนอยู่วงนอกทำไม คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยการนั่งข้างนอกและวิพากษ์วิจารณ์ เมืองไทยวิพากษ์เยอะแต่ไม่ยอมมาอยู่แถวหน้า แต่พอบอกให้ตำแหน่งกลับยอมมา แล้วจะเขยื้อนภูเขาได้อย่างไร การเมืองไม่มีอะไรน่ากลัว มายืนแถวหน้า ชนะแพ้ไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยสามารถทำในสิ่งที่คุณฝันคุณคิดเป็นจริงได้


ตอนหนึ่ง ดร.สมคิด ยังกล่าวอีกว่า ตนมี 3 เสาที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่อันดามัน หนึ่ง คือ การเกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่า ที่ต้องทำให้เป็นอาหารแห่งอนาคตและมีคุณภาพ สอง คือ การท่องเที่ยวด้านสุขภาพ โดยต้องมีความสามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งโรงพยาบาล แพทย์ และแหล่งท่องเที่ยว ที่จะแผ่อานิสงส์ได้มาก และสาม คือ ดิจิทัลฮับ ปัจจุบันบริษัทหรือองค์กรใหญ่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ หากดึงมาตั้งศูนย์ที่ไทยได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ตอัพ และแหล่งเงินสมัยใหม่ 

 

สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าไม่สามารถเกิดใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ หากเราได้เข้าไปเป็นรัฐบาลได้ เราทำได้เลย เพราะไม่ใช่ของยาก หากอยากให้เขยื้อน ต้องกระจายอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม เพราะส่วนกลางไม่รู้ว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น ภาคใต้ตนมองไปถึงด้ามขวานทั้งด้าม จึงต้องทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกัน ปัญหาคือกลไกการเมือง อย่าไปโทษนายกฯอย่างเดียว นายกฯต้องชี้นำ และทุบโต๊ะ โดยต้องมีทีมงานสนับสนุน