หลังเกิดเหตุ “ไฟไหม้สำเพ็ง” วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 ราย อาคารเสียหาย 6 คููหา และรถยนต์อีกหลายคันได้รับความเสียหาย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดเผยว่า จากนี้ต้องพยายามเน้นย้ำในส่วนของทางหนีไฟ โดยเฉพาะห้องแถวที่มีลักษณะลูกกรงต้องพิจารณาให้ดี ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตนอยากเน้นย้ำให้พิจารณา ประเมินเส้นทางให้รอบคอบเพื่อความปลอดภัย ในกรณีฉุกเฉิน
ขณะนี้ต้องรอรายงานจาก พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รายงานเบื้องต้นเป็นปัญหา หม้อแปลงระเบิด สายไฟเก่า จากนี้ต้องกำชับให้ทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนประเมินบ้านเรือนของตนเอง เพราะ กทม.เองคงลงไปดูทุกที่ไม่ได้
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จากนี้ต้องเรียกคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ ๆ เพื่อหาแนวทางป้องกันเหตุให้ประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุคาดการณ์ไม่ได้สิ่งที่ กทม.ต้องทำหลังจากนี้ คือหาแนวทางป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นให้ดีที่สุด
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ต้องอยู่กับความจริงอันไหนที่สุ่มเสี่ยงก็ต้องหาทางแก้ไข ทั้งนี้เขตจะต้องร่วมหามาตรการดูแลในพื้นที่ร่วมกับประชาชนด้วย ส่วนตัวมองว่าทุกจุดมีความเสี่ยงอาจเกิดได้หมด ไม่เฉพาะแค่ในชุมชนแออัด หรือย่านการค้า แต่แตกต่างที่รูปแบบอย่างที่ชุมชนคลองเตย บ้านเรือนเป็นไม้ลุกลามเร็ว เยาวราช โครงสร้างที่เป็นสิ่งก่อสร้างไม่ไหม้ไฟ แต่จะมีเรื่องสินค้าที่เปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิง
“ในอนาคต กทม. อาจมีคู่มือสำหรับป้องกันเหตุให้ประชาชนควบคู่ อย่างกรณีถ้าเหตุเกิดในคอนโด หรือ ตึกสูง หลักการคือ ต้องดับไฟจากภายใน เพราะรถกระเช้าทำงานไม่ถึงในตึก ต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เช่น สปริงเกอร์ ถังดับเพลิงอยู่แล้ว และที่สำคัญคือต้องมีการซ้อมหนีไฟ ขอให้ประชาชนใส่ใจจริงจังมากขึ้น” ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ