อัพเดท “ไฟไหม้สำเพ็ง” วอด 4 คูหา เสียชีวิต 2 สำลักควันเพียบ

26 มิ.ย. 2565 | 13:18 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2565 | 22:58 น.
5.2 k

สลด “ไฟไหม้สำเพ็ง” อาคารพาณิชย์วอด 4 คูหา เสียชีวิต 2 ราย สำลักควันอีกเพียบ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิดขึ้น ก่อนมีประกายไฟลุกลามมาที่ตัวรถยนต์ก่อนลุกลามเข้าตัวอาคาร ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

วันนี้(26 มิ.ย.65) ตำรวจนครบาลจักรวรรดิ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง นำรถน้ำดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร จำนวนหลายคัน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ใกล้เคียงตลาดสำเพ็ง ถนนราชวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ


โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น พบแสงเพลิง และกลุ่มควันจำนวนมาก โดยเพลิงกำลังลุกลามไปถึง 3 คูหา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงระดมหัวฉีด ทำการฉีดน้ำเพื่อดับเพลิง ประกอบกับสถานที่เกิดเหตุเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์พลาสติกพีวีซี และกล่องกระดาษจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ขณะที่เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแสงเพลิงยังไม่ลดลง รวมไปถึงกลุ่มควันจำนวนมาก 


ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า มีผู้ติดค้างภายในตัวอาคารเป็นคนงานของร้านดังกล่าว 1 ราย ทางเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงจึงบุกเข้าไปค้นหา เพื่อทำการช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบประชาชนที่อาศัยใกล้เคียง สำลักควันทางอาสาสมัครจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลไปบางส่วนแล้ว

สำหรับความเสียหายพบรถยนต์ที่จอดบริเวณหน้าร้านได้รับความเสียหาย ถูกเพลิงเผาไหม้ทั้งคัน


เบื้องต้นจากการสอบถามประชาชนในละแวกนี้ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงหม้อแปลงบริเวณจุดเกิดเหตุระเบิดขึ้น ก่อนมีประกายไฟลุกลามมาที่ตัวรถยนต์ก่อนลุกลามเข้าตัวอาคาร 


ล่าสุด ทีมข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาอาสาสมัครดับเพลิง ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกเสียชีวิต 1 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุเพศได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถกู้ศพออกมาได้ ต้องทำการดับเพลิงก่อน เพราะเป็นอาคารเก่าอาจเกิดอันตรายได้

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำทำการดับเพลิง กว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ โดยสาเหตุจากหม้อแปลงระเบิดจนลุกลามไป 4 คูหา 


ต่อมาเวลา 14.34 น. หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในตัวอาคารพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ยังไม่ทราบเพศ บริเวณชั้นที่ 2 ของตัวอาคาร ทำให้รวมมีผู้เสียชีวิต 2 ราย 


หลังจากนี้ทางตำรวจต้องทำการสอบสวน พร้อมประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตลอดจนทำการพิสูจน์อัตรลักษณ์บุคคล เพื่อหาว่าผู้ตาย ทั้ง 2 รายเป็นใครต่อไป