ถกแก้ปัญหา"ม็อบจะนะ"วันนี้ หากได้ข้อยุติ จ่อเสนอ ครม.พรุ่งนี้

13 ธ.ค. 2564 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2564 | 18:05 น.

แรมโบ้ เผยเตรียมคุยแก้ปัญหาจะนะวันนี้ หากได้ข้อสรุปจ่อเสนอ ครม.พรุ่งนี้ทันที วอนกองเชียร์ไม่ต้องมาเสริม รอฟังผลเจรจาก่อน เหตุ สถานการณ์ โควิด ยังวิกฤต ขณะปิดถนนพิษณุโลกด้านหน้าทำเนียบ หลังม็อบจะนะเตรียมบุกบ่ายวันนี้

วันที่ 13 ธ.ค.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ข่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะนะรักถิ่นเตรียมจะเคลื่อนขบวนมาประชิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงคำตอบ การแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ว่า ก็จะเป็นการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมปกติ และวานนี้ตนได้เดินทางไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียบร้อยแล้ว ตกลงกันว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวอย่างสงบ ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายเน้นการเจรจาเป็นหลัก

 

นายเสกสกล อย่างเปิดเผยด้วยว่าวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมถึงตนและสำนักปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนพูดคุยหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกลุ่มจะนะ ต้องให้มีการทำ SEA ใหม่ โดยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและจะสรุปภายในวันนี้ ซึ่งคณะทำงานจะมีการพูดคุยวันนี้อีกครั้งเวลา 10.00 น หากได้ข้อสรุป จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ทันที ซึ่งทางผู้ชุมนุมตกลงแล้วว่าหากร่างข้อตกลงของกลุ่มได้รับการพิจารณา ก็จะเดินทางกลับทันที 

ถกแก้ปัญหา\"ม็อบจะนะ\"วันนี้   หากได้ข้อยุติ  จ่อเสนอ ครม.พรุ่งนี้

 

จึงขอฝากไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาสมทบ ไม่ต้องเดินทางมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่ปลอดภัยเท่าไร จึงขอให้รอฟังผลการเจรจาก่อน ว่าเกี่ยวข้องกับกฎหมายและอำนาจรัฐอย่างไร ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับความจริงว่าที่แปลงนี้ไม่ใช่ที่ของรัฐ แต่เป็นที่ของเอกชน และโครงการดังกล่าวก็เป็นของเอกชน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปิดเส้นทางจราจรบริเวณถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ไปจนถึงแยกมิสกวัน โดยใช้รั้วเหล็กกั้น จึงทำให้การจราจรติดขัด

 

ทั้งนี้ ยังมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวนมาก เพื่อเตรียมความพร้อม หลังเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น นัดรวมตัวเคลื่อนไหวทวงคืนสัญญาจากรัฐบาล โดยให้ยุติการเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะไว้ก่อน และขอให้หยุดการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ขัดกับข้อตกลงและขัดต่อหลักสากลด้วยการจัดรับฟังความเห็นโดยไม่มีคณะกรรมการรับฟังความเห็นที่เป็นกลาง