นายกฯพอใจ ภาพรวม ศก.ไทย หลังเปิดประเทศดีขึ้น เร่งจ้างงาน-เพิ่มกำลังซื้อ

09 ธ.ค. 2564 | 09:58 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2564 | 17:35 น.

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ พอใจภาพรวม ศก.ไทย หลังเปิดประเทศดีขึ้น ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเร่งสร้างการจ้างงาน เพิ่มกำลังซื้อในระดับครัวเรือน ขณะที่ เอกชนมั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวต่อเนื่อง

วันที่ 9 ธันวาคม  2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังเปิดประเทศดีขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลมาจากความสำเร็จของรัฐบาลในการผ่อนคลายกิจการทางเศรษฐกิจ โดยที่ยังสามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในไทยต่ำลง ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชน 

 

จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 85.4 จากระดับ 82.1 ในเดือนตุลาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง เช่น การปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) รวมถึงการอนุญาตให้สถานที่หรือกิจการบางประเภทสามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้ภายใต้มาตรการ Covid Free Setting อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม สถานที่ออกกำลังกาย เป็นต้น

  นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งกำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และภูเก็ต รองรับการเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น อุปสงค์ในประเทศก็ทยอยฟื้นตัวจากคำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรกล กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างและเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยา การส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จีน อาเซียน และอินเดีย เป็นต้น

 

ทั้งนี้ มุมมองภาคเอกชน โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตดีขึ้นในปี 2565 แม้การระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3 - 4.5% สอดคล้องกับ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่ได้ประเมินสถานการณ์หลังพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน ไม่กระทบต่อบรรยากาศเศรษฐกิจในระยะสั้นและยังมั่นใจ การส่งออกปี 65 คาดว่าขยายตัวได้ถึง 5-8 %

นายธนกร กล่าวว่า เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่สะดุดภายใต้การเดินหน้ามาตรการคู่ขนานควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยยอดส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.64) ขยายตัวที่ 15.65% มูลค่า 2.2 แสนล้านดอลลาร์ และในปี 64 ทั้งปี อาจเติบโตได้ถึง 15% 

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเร่งเดินหน้ามาตรการระยะสั้น คือ พยุงภาคเศรษฐกิจที่เปราะบาง สร้างการจ้างงาน เพิ่มกำลังซื้อในระดับครัวเรือน ผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการระยะปานกลางและระยะยาวเน้นส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการสมัยใหม่ ดึงดูดชาวต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง ขจัดอุปสรรคกฎระเบียบที่ล้าสมัย นายกรัฐมนตรีขอเพียงคนไทยไม่หวั่นวิตกเกินไป และปฏิบัติตนเองได้อย่างถูกต้องปลอดภัย เราก็สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้