ฝ่ายค้านถล่ม “นายกฯ-อนุทิน” ซื้อวัคซีนซิโนแวคมิชอบ

31 ส.ค. 2564 | 11:22 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2564 | 19:29 น.

"สมพงษ์" ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดอภิปรายซักฟอกรัฐมนตรี ซัด นายกฯบริหารประเทศผิดพลาดร้ายแรง แก้โควิดล้มเหลว มีพฤติการณ์ “ค้าความตาย” ขณะ “ไพบูลย์” ยกมือประท้วงวุ่น ก่อน ถูกประธาน “ชวน” เบรคประท้วงไร้เหตุผล

วันที่ 31 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา  นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดอภิปราย ทั่วไปไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งเมื่อเริ่มอ่านรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย นายสมพงษ์ได้อ่านชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมผิด เป็น “พลเอก ประยุทธ์ ยงใจยุทธ” ถึง 2 ครั้ง ก่อนจะกล่าวแก้ไข และไล่เรียงรายชื่อรัฐมนตรีจนครบ 6 คน

 

โดยข้อกล่าวหาพลเอกประยุทธ์ คือเป็นบุคคลที่ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรง ทั้งด้านการเมืองเศรษฐกิจและสังคมในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยเฉพาะเวลาที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหา โควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพลเอกประยุทธ์รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ไว้เพียงผู้เดียว แต่ที่ผ่านมากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและทุจริตฉ้อฉลต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
 

ทั้งนี้ มีประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวเกินขีดความสามารถในการให้บริการประชาชน ประชาชนต้องดูแลตัวเองที่บ้านบางรายทนไม่ไหวต้องตาย ข้างถนนหรือตายคาบ้าน ในขณะที่พลเอกประยุทธ์รู้ดีว่าการ รับมือคือการเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนแต่ก็พบปัญหาล่าช้าวัคซีนไร้ประสิทธิภาพ เครื่องมือในการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอ ประชาชนและภาคธุรกิจได้รับความเสียหายจากมาตรการของรัฐ คือการล็อกดาวสั่งปิดสถานที่ต่างๆ งบประมาณหมดไปกับการจัดซื้ออาวุธยุทธโทรปกรณ์ ทั้งที่ประเทศตกอยู่ในสงครามโรคระบาดไม่ใช่ สงครามสู้รบ

 

ฝ่ายค้านถล่ม “นายกฯ-อนุทิน” ซื้อวัคซีนซิโนแวคมิชอบ

นอกจากนี้ยังมีการใช้จ่ายเงินกู้และงบประมาณที่ไม่รักษา วินัยการเงินการคลังสร้างภาระหนี้สาธารณะจนชนเพดาน และหนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ มีพฤติกรรมปิดบังอำพรางตรวจสอบไม่ได้ อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัท ในพระ ปรมาภิไธย มาฉีดให้กับประชาชนเป็น การทำลายความน่าเชื่อถือ ให้กับสถาบันฯ

ซึ่งในระหว่างนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ได้ยกมือขึ้นประท้วง ว่าถ้อยคำที่แถลงมีการกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ และนำมาเกี่ยวข้องการเมือง แม้จะอ่านตามญัตติได้แต่เป็นห่วงว่าสมาชิกฝ่ายค้านจะนำข้อความนี้ไปอภิปรายและใช้เหตุผลว่าประธานสภาอนุญาตแล้ว ดังนั้นตนจึงเห็นว่าบางถ้อยคำที่เกี่ยวกับสถาบันตนไม่เห็นด้วยที่จะให้อนุญาตให้สมาชิกอภิปราย

 

นายสมพงษ์ได้กล่าวต่อว่า พลเอกประยุทธ์ยังปล่อยประละเลยให้เกิดการทุจริตรวัคซีน อีกทั้งยังมีพฤติการณ์ “ค้าความตาย” ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวันลุกขึ้น ประท้วงอีกครั้งว่าการกล่าวหาดังกล่าว เป็นการใส่ความ และมีลักษณะที่เป็นไปไม่ได้ โดยนายชวนหลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ชี้แจงว่าข้อประท้วงของนายไพบูลย์ไม่มีเหตุผล และประธานมีหน้าที่ดูแลให้ทุกคน จะทำตามหน้าที่ และอนุญาตให้นายสมพงษ์อ่านญัตติต่อได้

 

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  อภิปรายประเด็นการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาล สรุปได้ว่า มีหลักฐานจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า การซื้อวัคซีนซิโนแวคครั้งแรก  17 เหรียญ แต่ในล็อคหลัง  มีการซื้อวัคซีนในราคาที่ต่างกัน ซื้อจริง 9 เหรียญ  เอาราคาส่วนต่างจากที่ครม.อนุมัติ ไปไว้ที่ไหน เรื่องนี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบ 

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า  นายกฯ-นายอนุทิน จงใจ ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ราชการ ขาดความรอบคอบและไม่ระวัง ผิดพลาดล้มเลวไม่เป็นไปตามมติ ครม.  ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย  ร่วมกันจัดหาวัคศีนซิ  ส่อทุจริต ไม่โปร่งใส  แสวงหาผลประโยชน์บนความตายของประชาชน  ทั้งนายกฯและนายอนุทิน ควรรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง