นายกฯ พร้อมรับศึกซักฟอก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านได้เวลาขยี้ 40 ชั่วโมง

31 ส.ค. 2564 | 09:54 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2564 | 17:25 น.

สภาผู้แทนฯ ลั่นระฆังศึกอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลวันแรก จากทั้งหมด 4 วัน ฝ่ายค้านมีเวลา 40 ชั่วโมงในการอภิปรายซักฟอกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวม 6 คน  “บิ๊กตู่” ลั่น “ก็พร้อมนะ”

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (31 ส.ค.) มีวาระสำคัญ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันแรก โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กับคณะจำนวน 185 คน เป็นผู้เสนอ  ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย

  1. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  2. นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  3. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
  4. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
  5. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 

สำหรับประเด็นที่ฝ่ายค้านมุ่งเน้นอภิปราย คือ การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาการทุจริต

 

ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายนนี้ และลงมติในวันที่ 4 กันยายน 2564 รวมเวลาอภิปรายทั้งสิ้น 58 ชั่วโมง 30 นาที แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 40 ชั่วโมง รัฐบาลชี้แจง 18 ชั่วโมง 30 นาที

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา เวลาประมาณ 08.40 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และทักทายสื่อมวลชนตามปกติ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือยัง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จะโหวตคว่ำ  พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่พยักหน้าหลายครั้งในเชิงยอมรับ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความพร้อมในการชี้แจงอภิปรายแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ก็พร้อมนะ"

 

ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่จะถูกนำมาเป็นประเด็นการซักฟอกนั้น สรุปเรียงตามรายรัฐมนตรีได้ ดังนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศ บริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 63 ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ถึง 40  ฉบับ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต ส่งผลให้การกลายพันธุ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเพียง 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 900,000 คน และเสียชีวิตกว่า 7,000 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอที่จะรับรักษาผู้ป่วย ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว เกินขีดความสามารถในการบริการประชาชน หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ ไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้


นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ขาดองค์ความรู้ ไร้ภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลอกลวงประชาชน ขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น


นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน และเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่กำกับดูแล ไม่ปกป้องรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จงใจเบียดบังเอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ทั้งวัวและสุกร จนส่งผลเสียหายแก่เกษตรกรจำนวนมาก ขณะที่มาตรการชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรไม่ทั่วถึงและเพียงพอ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี