“อนุดิษฐ์” จ่อซักฟอก "บิ๊กตู่" จัดหายุทโธปกรณ์ ทอ.ส่อพิรุธ

30 ส.ค. 2564 | 11:32 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2564 | 18:43 น.

“อนุดิษฐ์” พร้อมจัดเต็มอภิปราย นายกฯ ปล่อยปละละเลยให้การจัดหายุทโธปกรณ์ของ ทอ.มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท มีพิรุธ ชี้ฝ่ายเสธ.คนสนิท ผบ.ทอ.อ้างนายลัดขั้นตอน

วันที่ 30 ส.ค.2564  น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติผิดมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องการทางอากาศ ระยะที่ 7 ( N-SOC C2) โครงการพัฒนาการป้องกันฐาน ที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (GBAD) และโครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มูลค่ารวมเกือบ 3 พันล้านบาทว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงครบถ้วนอยู่ระหว่างสรุปรายงานให้คณะกรรมาธิการ ปปช.พิจารณาต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าการจัดหายุทโธปกรณ์ครั้งนี้ มีความไม่ชอบมาพากลหลายประการ ตั้งแต่การสั่งการให้เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และขอบเขตของโครงการเดิม ทั้งๆ ที่เป็นเป้าหมายหลักที่ผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานปกป้องงบประมาณและออกเป็นกฎหมายแล้ว

 

 การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ปรากฏหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติ และ ทอ.ไม่เคยดำเนินการลักษณะเช่นนี้มาก่อน ซึ่งตามระเบียบ ทอ. จะต้องเสนอเรื่องไปที่ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อพิจารณาแนวทางปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 29 เพื่อความถูกต้อง แต่กลับพบว่ามีสั่งการจากผู้ใหญ่ให้เร่งรัดดำเนินการในลักษณะเร่งรีบและข้ามขั้นตอน โดยผู้รับผิดชอบโครงการระบุในคำให้การชัดเจนว่า มีความกังวลต่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของ TOR และไม่มั่นใจว่า ทอ.สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงเองได้ จึงทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานภายใน ทอ.ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษา และทุกฝ่ายแนะนำว่าให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด แต่ในที่สุด ทอ.ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะฝ่ายเสธ.ผบ.ทอ.แจ้งว่าให้ผู้รับผิดชอบโครงการเดินหน้าได้เลย เพราะเป็นสั่งการจาก ผบ.ทอ. และตนเองได้สอบถามกรมบัญชีกลางทางโทรศัพท์ให้แล้วว่าสามารถดำเนินการได้

 

 ดังนั้นผู้รับผิดชอบโครงการจึงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและกำหนดขอบเขตโครงการขึ้นมาใหม่ โดยไม่เคยมีหนังสือสอบถามไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างฯ โดยสถานะของทุกโครงการในปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาผู้ดำเนินการ ยกเว้นโครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ ที่เปิดซองได้ผู้ชนะเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และพฤติกรรมที่ฝ่ายเสธ.ผบ.ทอ.สั่งการตรงไปยังคณะกรรมการ TOR ถือเป็นการแทรกแซงกรรมการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละโครงการหรือไม่ ใครอยู่เบื้องหลังการสั่งการ และการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องโปร่งใสหรือไม่ มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่  ทำไมกระทรวงกลาโหมจึงนิ่งเฉยไม่ลงมาตรวจสอบ ขณะนี้กรรมาธิการฯ มีข้อมูลในมือครบถ้วนแล้ว​ 

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ ตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในการบริหารงานที่บกพร่อง ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และอาจปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในครั้งนี้ได้ เพราะการจัดหา 3 โครงการที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกือบ 3 พันล้านบาท และได้ผ่านการพิจารณาของหน่วยงานที่ปกป้องงบประมาณ ทั้งกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ และ รัฐสภา มาเรียบร้อย แต่หน่วยงานรับงบประมาณกลับนำรายละเอียดและขอบเขตของโครงการมายำใหญ่โดยไม่สนใจระเบียบและกฎหมายแบบนี้ ตนเองไม่เชื่อว่าจะมีข้าราชการคนไหนกล้าทำกันเองนอกจากจะมีผู้ใหญ่สั่งการ เพราะมีทั้งการแทรกแซงกรรมการ การกำหนด TOR ที่กำกวมยากต่อการตีความ ขบวนการกำหนดราคากลางที่ไม่ปกติ และที่สำคัญคือการตัดเนื้องานที่อนุมัติโดยกระทรวงกลาโหม และตัดเนื้องานตามนโยบายของรัฐบาล บางโครงการตัดบางส่วน และบางโครงการก็ตัดออกทั้งหมด ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ฮั้วกัน ดังนั้นตนเองจะนำเรื่องนี้จัดชุดใหญ่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างแน่นอน

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า มั่นใจในข้อมูลที่จะอภิปรายมากน้อยแค่ไหน และการออกมาฉายหนังตัวอย่างแบบนี้ไม่กลัวข้อสอบรั่วหรืออย่างไร น.อ.อนุดิษฐ์ ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับเพราะตนเองได้แถลงความคืบหน้าของการตรวจสอบออกมาเป็นระยะ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทอ.ก็ยังเดินหน้าโครงการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนหน่วยแม่คือกระทรวงกลาโหมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้ากระทรวง ก็ไม่ได้ลงมาระงับยับยั้งหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบแต่อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการ ปปช. ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงและได้เรียกเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยทุกครั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยังกองทัพอากาศ ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ ใส่ใจย่อมทราบข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก