“ถนนพระราม 2” เครนถล่ม “ทางหลวง” คาดโทษผู้รับเหมา สั่งพักงาน 14 วัน
เอกชนอ่วม “ถนนพระราม 2” เครนถล่ม “ทางหลวง” สั่งเบรกผู้รับเหมาพักงาน 14 วัน เร่งส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดได้ข้อสรุปภายใน 15 วัน ลุยฟื้นฟูสะพานมอเตอร์เวย์เอกชัย-บ้านแพ้ว คืนผิวจราจรประชาชน
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีที่เครนถล่มบนถนนพระราม 2 ในโครงการซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 1 ช่วง กม.21+600 พื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 04.07 น. นั้น
ขณะนี้กรมฯได้สั่งหยุดงานบริษัทผู้รับเหมาแล้ว 14 วัน จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 15 วัน
นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า ระหว่างนี้กรมฯจะรายงานสถานการณ์ต่อกระทรวงคมนาคมเป็นระยะๆ รวมทั้งเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนของสะพานที่หล่นอยู่บนพื้น ถ.พระราม 2 ออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลือโครงเหล็กติดตั้งสะพานที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินการเคลียร์พื้นที่อย่างระมัดระวัง
ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทผู้รับเหมาจะดำเนินการเยียวยาแก่ผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทย จำนวน 2 รายก่อน ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวเมียนมานั้นอยู่ระหว่างทางสถานทูตสาธารณรัฐแห่งเมียนมาร์ประจำประเทศไทยรับรองแก่ญาติผู้เสียชีวิตก่อนดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คนงานที่ปฏิบัติงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบเป็นคนงาน ของ บริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชั่น จำกัด ดังนี้ ผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 15 ราย เสียชีวิต/สูญหาย 6 ราย บาดเจ็บ 9 ราย
ส่วนการดำเนินการเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากตัวเครนที่ค้างอยู่มีสภาพไม่ปลอดภัย พบว่า บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด เป็นผู้รับเหมา
นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายหน่วยงาน อาทิ วสท. สภาวิศวกร และบริษัท อิตาเลี่ยนไทย จำกัด (มหาชน) โดยร่วมกันประเมินสภาพโครงสร้าง วิเคราะห์ความเสี่ยง และกำหนดวิธีการรื้อถอนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ และล่าสุดได้นำเครื่องจักรหนัก อาทิ เครนขนาดใหญ่ 550 ตัน จำนวน 2 จุด, เครนขนาด 400 ตัน จำนวน 1 จุด และเครนขนาด 360 ตัน จำนวน 2 จุด รถยก รถบรรทุก
ขณะเดียวกันยังมีเครื่องมือต่างๆ เข้ามาเตรียมการอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย อุปกรณ์ป้องกัน และมาตรการควบคุม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“กรมได้ฯตระหนักถึงความสำคัญในการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคม และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เราจึงเร่งดำเนินการทุกวิถีทาง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นสำคัญ” นายอภิรัฐ กล่าว