รัฐบาลฯนัดใส่เสื้อสีเหลือง เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา

14 ก.พ. 2567 | 11:13 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ค. 2567 | 17:28 น.
5.1 k

รัฐบาลฯแจ้งข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.ขอให้แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่ตราสัญลักษณ์ ในทุกๆ วันจันทร์ เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา

จากกรณีที่ประชุมคณะรับมนตรี หรือ ครม. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ แจ้งข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. พร้อมขอให้แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ในทุกๆ วันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

​นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายและมีข้อสั่งการต่อคณะรัฐมนตรี โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ สั่งการให้ทุกหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ในทุกๆ วันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม แทนการแต่งกายด้วยแบบฟอร์ม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 


 

พร้อมทั้งประดับธงตราสัญลักษณ์หน้าหน่วยงานด้วย และ ขอความร่วมมือไปยังประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ รวมทั้งรัฐสภา และ หน่วยงานความมั่นคง ในการรณรงค์ในการใส่เสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์โดยพร้อมเพรียงกัน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีออกจดหมายเวียนไปยังหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการนี้โดยเคร่งครัด โดยให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงรับผิดชอบในการดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ปฏิบัติตามด้วย

 

โดยจากการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อติดตามการบริหารจัดการ สนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังของกรมชลประทานที่สถานีสูบน้ำคลองเพรียว จ. สระบุรี และมีเกษตรกรร้องเรียนเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าสูบน้ำมีราคาแพงเฉลี่ยไร่ละ 500 บาท นายกฯ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โดยกรมชลประทาน) กระทรวงมหาดไทย (โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) กระทรวงพลังงาน (โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน) ร่วมบูรณาการเพื่อเร่งรัดจัดทำโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว โดยในเบื้องต้น ขอให้กระทรวงพลังงาน หารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อพิจารณาลดอัตราค่าไฟฟ้าเป็นกรณีพิเศษอย่างเร่งด่วนสำหรับสถานีสูบน้ำ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบต่อการทำการเกษตรกรรม ที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำเป็นปริมาณมาก 

 

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกำชับเป็นนโยบายว่าจะไม่ให้มีการเสนอวาระจร ยกเว้นเป็นเรื่องที่จําเป็น มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในฐานะนายกฯ อนุมัติให้เสนอได้เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา มีเรื่องที่เสนอเป็นวาระจร ค่อนข้างเยอะ และ ครม. ควรมีเวลาอ่านเอกสารวาระก่อนล่วงหน้า รวมทั้งเรื่องที่เสนอ ควรมีความเห็นของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อความรอบคอบ และรัดกุม ในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่มีความสําคัญของ ครม.