"กนอ." สั่งรง.ไฟไหม้นิคมฯ ปิ่นทองหยุดกิจการ คาดต้นเหตุไฟฟ้าลัดวงจร

13 ก.พ. 2566 | 16:41 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2566 | 16:41 น.

"กนอ." สั่งรง.ไฟไหม้นิคมฯ ปิ่นทองหยุดกิจการ คาดต้นเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ชี้จากรางท่อสายไฟที่อยู่เหนือฝ้าเพดานห้องกัดชิ้นงานด้วยกรด

นายวีริศ  อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ในเวลา 20.15 น. ซึ่งเป็นโรงงานของบริษัท ไลสตริทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบินนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้น สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากรางท่อสายไฟที่อยู่เหนือฝ้าเพดานห้องกัดชิ้นงานด้วยกรด (Etching Room) 

และลุกลามขึ้นไปยังเพดานอาคารโรงงาน ซึ่งมีฉนวนกันความร้อนปูทั่วถึงตลอดพื้นที่ ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว โดยจากการสำรวจพื้นที่โดยรอบโรงงานพบว่า อาคารได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก จึงสั่งการให้ปิดกั้นพื้นที่ และหยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดเป็นการชั่วคราว 

นายวีริศ กล่าวต่อไปว่า ช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหใม้นั้น ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงระหว่างการเปลี่ยนกะก่อนการเริ่มทำงานของกะกลางคืน โดยในขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง หน่วยดับเพลิงในพื้นที่ หน่วยกู้ภัย และมูลนิธิต่างๆ ได้เข้าร่วมอำนวยการและควบคุมเพลิงจนสามารถควบคุมเพลิงได้ในเวลาประมาณ 23.00 น. 

นอกจากนี้ หน่วยดับเพลิงยังจัดกำลังพลคอยเฝ้าระวังตลอดคืน ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยอาการของผู้บาดเจ็บพบว่า บาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลจากสะเก็ดของเศษพลาสติกและไฟที่แขนทั้งสองข้างและหน้าขาขวา ซึ่งบริษัทฯ ได้นำส่งโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ได้รับการปฐมพยาบาลและกลับบ้านได้ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ 

กนอ. สั่งโรงงานไฟไหม้นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองหยุดกิจการ อย่างไรก็ดี กนอ.อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งการให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการและปรับปรุงแก้ไขโรงงาน ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯ ต้องยื่นเอกสารแสดงผลการปรับปรุงอาคารโรงงานและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร และตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอุปกรณ์ภายในโรงงาน ที่ต้องผ่านการรับรองจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งจัดส่งให้ กนอ.พิจารณาตรวจสอบก่อนด้วย

นายวีริศ บอกอีกด้วยว่า ล่าสุดได้มีการประชุมผู้เกี่ยวข้อง และสั่งการให้เร่งทบทวนมาตรการป้องกันต่างๆ โดยด่วน หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด 

รวมถึงให้มีการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยว่า ยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติและมีเพียงพอหรือไม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมด้วย