มิตซูบิชิ เดินหน้าเสริมทัพด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ล่าสุดเปิดตัวรถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ผลิตจากโรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยมีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาจากระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ของมิตซูบิชิ
นาย เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด และบริษัทฯรู้สึกภาคภูมิใจ ที่รถยนต์รุ่นนี้ ผลิตที่ประเทศไทย ณ โรงงานแหลมฉบัง
"เราใช้เวลาหลายเดือน ในการทดสอบรถยนต์รุ่นนี้ รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 100,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อประเมินความทนทาน และสมรรถนะในการขับขี่ ทีมทดสอบของเราได้รวบรวมข้อมูล และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ซึ่งวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราได้นำไปใช้ในการปรับแต่ง และพัฒนารถรุ่นนี้ ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนสุดท้าย คือการทดสอบความทนทานของรถ และปรับแต่งระบบกันสะเทือนที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทย ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ เอชอีวี มาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC DOHC 16 วาล์ว ซึ่งถูกใช้งานครั้งแรกในเอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี โดยให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal efficiency) พร้อมทั้งกำลังขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากระบบขับเคลื่อนเสริม (Auxiliary Drive Loss) ส่งผลให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมประสิทธิภาพโดยรวมของระบบขับเคลื่อน เมื่อทำงานร่วมกับเจเนอเรเตอร์และมอเตอร์ที่มีกำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์
สำหรับ Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ เอชอีวี มีกำลังสูงสุด 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 116 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร ส่วนแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.1 kWh
Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย
รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
- มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก (White Diamond) สีเงิน (Blade Silver) และ สีเทา (Graphite Grey)
รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท
- มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ สีเงิน (Blade Silver) สีเทา (Graphite Gray) และสีดำ (Jet Black Mica)
รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท
- มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ สีเทา(Graphite Gray) หลังคาดำ สีเหลือง (Energetic Yellow) หลังคาดำ สีแดง (Spirit Red) หลังคาดำ และสีดำ (Jet Black Mica)
ข้อเสนอพิเศษสำหรับ Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี
- รับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี
- รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
- ฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
- เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
- ลูกค้าครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน M-Drive
เปิด 4 จุดเด่น Mitsubishi XFORCE HEV มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ เอชอีวี
ดีไซน์
- ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Silky and Solid
- ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoked จัดเรียงเป็นรูปตัวที
- ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว
- รูปลักษณ์ภายใน ออกแบบภายใต้คอนเซปต์Horizontal Axis
- ห้องโดยสารสีทูโทน ตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำ และคราบสิ่งสกปรก
ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
- ห้องโดยสารขนาดใหญ่ สามารถเดินทางได้พร้อมกันถึง 5 คน
- เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 ปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด
- ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) เครื่องเสียง พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ระบบฟอกอากาศ nanoeTM X สร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
สมรรถนะ
- ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด
- ระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle ใหม่
- โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) Normal (ถนนทั่วไป) Wet (ถนนเปียก) Gravel (ถนนลูกรัง) Tarmac (ถนนลาดยาง) Mud (ถนนโคลน) และอีก 2 ทางเลือกพลังงานทั้ง Charge (โหมดการชาร์จ) และ EV Priority (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%)
- ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC (Active Yaw Control)
ระบบความปลอดภัย
- เทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense พร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS ที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบ 360 องศา ทำงานอย่างแม่นยำผ่านการทำงานของกล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น
- กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (MAM with MOD)
- ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า (LCDN)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง (ACC)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)
- ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย