กทม. เปิดแผนรับมือวิกฤตฝุ่น PM2.5 พร้อมแจกหน้ากากอนามัย 7 หมื่นชิ้น

10 ม.ค. 2568 | 13:40 น.

กรุงเทพมหานคร ดำเนินมาตรการรุกและรับแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ระดมทีมแพทย์ลงพื้นที่เสี่ยง พร้อมเปิดคลินิกมลพิษ-ศูนย์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง แนะประชาชนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง-สวมหน้ากากป้องกัน

10 ม.ค. 68 พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงนี้ภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนดำเนินมาตรการเร่งด่วนของ กทม. ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสะสมตัวเพิ่มขึ้นและคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 

ทั้งนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) ได้ดำเนินการตรวจประเมินเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานเขต สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการโยธา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการควบคุม ตรวจสอบสุขลักษณะและมาตรการควบคุมฝุ่นละอองในสถานประกอบกิจการ โรงงานที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองสูง สถานที่ก่อสร้าง ถมดิน ท่าทราย

กทม. เปิดแผนรับมือวิกฤตฝุ่น PM2.5 พร้อมแจกหน้ากากอนามัย 7 หมื่นชิ้น

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ดำเนินการตรวจประเมินกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวไปแล้ว 1,534 แห่ง และในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูง สำนักอนามัยได้มีการตรวจกำกับดูแลสถานประกอบกิจการคอนกรีตผสมเสร็จที่มีการร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง จำนวน 25 แห่ง เพื่อกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการลดฝุ่นละออง

ในรายที่พบข้อบกพร่องได้มีการแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไข มีการตรวจติดตามและกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สำนักอนามัย โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ดำเนินมาตรการทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยศูนย์บริการสาธารณสุขจะจัดทีมออกหน่วยฯ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบหรือพื้นที่ศูนย์สุขภาพชุมชน กรณีฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าระหว่าง 37.6 – 75.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ติดต่อกัน 3 วัน ให้ออกหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่และจัดทีมปฏิบัติการลงพื้นที่ชุมชนและเยี่ยมติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด

รวมถึงให้การรักษา ให้คำแนะนำประชาสัมพันธ์ เรื่องการป้องกันดูแลตนเองในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงกว่าปกติแก่ประชาชนผู้มารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข

พร้อมทั้งมีการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มที่มีโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ และประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ค้าริมถนน และประชาชนทั่วไปที่ใช้ชีวิตนอกอาคาร เพื่อเป็นการป้องกันและดูแลสุขภาพจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยได้แจกหน้ากากอนามัยไปแล้ว 69,665 ชิ้น พร้อมทั้งแจกให้กับผู้ป่วยที่ใช้บริการศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง และผู้ป่วยตอนเยี่ยมบ้านและการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ด้วย

ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านสำนักการแพทย์ (สนพ.) ได้บูรณาการความร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ อาทิ สำนักงานเขต สถานีตำรวจนครบาล โรงเรียน ให้ความรู้และข้อแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จะเน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ แจกหน้ากากอนามัยให้กลุ่มเปราะบางในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง แนะนำการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

พร้อมรายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เพื่อปฏิบัติการออกช่วยเหลือผู้ป่วยยามจำเป็น หากมีการรายงานค่าฝุ่นในพื้นที่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

กทม. เปิดแผนรับมือวิกฤตฝุ่น PM2.5 พร้อมแจกหน้ากากอนามัย 7 หมื่นชิ้น

ส่วนการเตรียมแผนปฏิบัติการป้องกันรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ตามมาตรการ ประกอบด้วย การเปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่น PM2.5 เกิน 75 มคก./ลบ.ม. การเปิดคลินิกมลพิษทางอากาศในโรงพยาบาลสังกัด กทม. เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนและให้บริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำประชาชนเรื่องการป้องกันดูแลสุขภาพในช่วงฝุ่นหนาแน่น

สำหรับกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง หรือลดระยะเวลาออกนอกอาคารให้น้อยที่สุด

หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่น

สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรือมีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน "หมอ กทม." เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร. HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง