จากกรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในปี 2568 ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 นั้น
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้จากระบบคลังข้อมูลสุขภาพ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 29 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยรวม 6.4 ล้านราย เป็นกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบมากที่สุด 2.7 ล้านราย ตามด้วยกลุ่มโรคตาอักเสบ 2.1 ล้านราย และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) 1.3 ล้านราย
ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบด้านการแพทย์และสาธารณสุข ได้กำหนด 4 มาตรการสำคัญ ดังนี้ 1. สร้างความรอบรู้การลดมลพิษและการดูแลสุขภาพป้องกันตนเอง
2. ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยยกระดับการเฝ้าระวังสื่อสารแจ้งเตือนความเสี่ยงอย่างรวดเร็วด้วยดิจิทัล หากค่าฝุ่นเกินมาตรฐานให้รีบแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว
ระดับสีส้ม :
เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 37.6 - 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) แจ้งเตือนวันละ 1 รอบ
ระดับสีแดง :
มีผลกระทบต่อสุขภาพ 75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป แจ้งเตือนวันละ 2 รอบ แต่หากเกิน 150 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ให้แจ้งเตือนวันละ 3 รอบ หากจำเป็นให้เสนอมาตรการ Work From Home หรือลดกิจกรรมกลางแจ้งต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด
นอกจากนี้ให้เตรียมห้องปลอดฝุ่นเพื่อดูแลกลุ่มเปราะบางไม่น้อยกว่า 5 พันห้อง ในเขตสุขภาพที่ 1, 2, 3, 4, 8 และ 13 เพิ่มจากปี 2567 ที่มี 4,457 ห้อง รวมถึงแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น มุ้งสู้ฝุ่น และหน้ากาก โดยขณะนี้มีหน้ากากอนามัยคงคลังทั่วประเทศ 7.38 ล้านชิ้น และหน้ากาก N95 รวม 6.03 แสนชิ้น
3. จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยจัดทีมปฏิบัติการดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยงในชุมชน ขยายเครือข่ายคลินิกมลพิษ คลินิกมลพิษออนไลน์ และมีระบบนัดหมายผ่านไลน์ "หมอพร้อม" เพื่อนัดหมายเข้า คลินิกมลพิษ ซึ่งมีการนำร่องระบบดังกล่าวแล้วใน 4 เขตสุขภาพ 25 จังหวัด ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 1, 2, 3 และ 8 และพร้อมขยายทั่วประเทศตามสถานการณ์
สำหรับอาการสงสัยจากฝุ่น PM 2.5 ที่จะนัดหมายเข้าคลินิกมลพิษ มีดังนี้
4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยเมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. จะเข้าสู่ระยะเตรียมความพร้อม มีการยกระดับมาตรการต่าง ๆ ให้เข้มงวดขึ้น และเมื่อเกิน 75.1 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกัน 2 วัน จะเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ระดับจังหวัด และหากเปิดระดับจังหวัด 2 จังหวัดขึ้นไป จะเปิด PHEOC ระดับเขตสุขภาพ
สำหรับข้อสั่งการในการประชุม 7 ข้อ มีรายละเอียดดังนี้ 1. ให้ผู้ตรวจราชการฯ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตสุขภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงและดำเนินการตาม 4 มาตรการดังกล่าว
2. ยกระดับการเฝ้าระวัง สื่อสาร สร้างความรอบรู้
3. ส่งเสริมองค์กรลดมลพิษในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ
4. ป้องกันผลกระทบทางสุขภาพกลุ่มเปราะบาง
5. ขยายและยกระดับบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5
6. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและยกระดับกาารปฏิบัติการหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
7. สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เป็นเครื่องมือสนับสนุนการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่และการจัดการเหตุรำคาญ และการประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญจากฝุ่น
นอกจากนี้ ยังมอบหมายกรมควบคุมโรคเฝ้าระวังโรคจากการรับสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ผ่านระบบคลังข้อมูลสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ