สธ. จับตา ไข้หวัดนก H5N1 หลังสหรัฐฯ พบผู้ป่วยรายใหม่

30 ก.ย. 2567 | 16:45 น.

สธ. เผย ติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดนก H5N1 อย่างใกล้ชิด หลังสหรัฐฯ พบผู้ป่วย 14 ราย พร้อมติดตามผลการสอบสวนโรคบุคลากรทางการแพทย์ 6 ราย ที่ดูแลผู้ป่วยเกิดอาการในระบบทางเดินหายใจเพื่อประเมินความเสี่ยง ย้ำประเทศไทยยังปลอดภัย ไม่พบไข้หวัดนกในคนมากว่า 18 ปี 

จากกรณีที่มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนก H5N1 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุดวันนี้ (30 ก.ย. 67) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากข้อมูลมีการรายงานพบโรคไข้หวัดนก H5N1 ในสัตว์ปีกและโคนมมาอย่างต่อเนื่องข้ามปี โดยตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในนกป่า 51 รัฐ ในสัตว์ปีกเลี้ยง 48 รัฐ และในฟาร์มโคนม 14 รัฐ

นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนก 14 รายใน 4 รัฐ ได้แก่ โคโลราโด มิชิแกน มิสซูรี และเท็กซัส โดยรายสุดท้ายรายงานเมื่อวันที่ 6 กันยายน จากรัฐมิสซูรี

ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต จากประวัติก่อนป่วยพบว่า ผู้ป่วยมีการสัมผัสสัตว์ปีก 9 ราย สัมผัสโคนม 4 ราย และไม่มีประวัติการสัมผัสสัตว์ใด 1 ราย จึงจำเป็นต้องศึกษาโอกาสการแพร่เชื้อจากคนสู่คนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเครือข่ายสุขภาพหนึ่งเดียวประเทศไทย (One Health) ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดนกมาอย่างต่อเนื่องและยกระดับมาตรการรับมือให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดนก H5N1 ติดต่อจากสัตว์มาสู่คนแต่ยังไม่พบว่า สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการสอบสวนผู้สัมผัสโรคคนหนึ่งในครอบครัวผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนก และบุคลากรทางการแพทย์ 6 คนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐมิสซูรีที่ผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนกเข้ารับการรักษาเมื่อต้นเดือนกันยายน 2567

พบว่า บุคลากรทางการแพทย์กลุ่มนี้มีอาการของระบบทางเดินหายใจเล็กน้อย และส่วนใหญ่หายป่วยแล้ว เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งได้จากบุคลากรที่ป่วย 1 ราย แต่ตรวจไม่พบสารพันธุกรรมของไวรัส 

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อเชื้อ H5N1 ที่ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (US CDC) เพื่อเป็นข้อมูลการสอบสวนสำหรับประเมินว่า มีโอกาสที่จะพัฒนาการติดต่อจากสัตว์สู่คน ไปเป็นคนสู่คนหรือไม่ ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ขอให้ประชาชนไม่ต้องตระหนก เนื่องจากประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวังโรคทั้งในสัตว์และในคนที่เข้มแข็ง อีกทั้งไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกมานานกว่า 18 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา 

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยทั้งหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพคนและสัตว์ ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แลกเปลี่ยนข้อมูลและฝึกซ้อมแผนร่วมกันแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่อง มีการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ภายใน 14 วัน หากมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง ประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือประวัติเสี่ยงต่าง ๆ

ส่วนประชาชนทั่วไป แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสัมผัสสัตว์และสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ ไม่นำมือที่เปื้อนมาสัมผัสใบหน้า จมูก ตาและปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจับต้องเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่เปื้อนมูลสัตว์

หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ใกล้บ้านทันทีเพื่อฝังกลบให้ถูกวิธี และห้ามนำซากสัตว์ปีกที่ป่วยตายมาปรุงอาหารเด็ดขาด