จากกรณีที่มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนก H5N1 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุดวันนี้ (30 ก.ย. 67) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากข้อมูลมีการรายงานพบโรคไข้หวัดนก H5N1 ในสัตว์ปีกและโคนมมาอย่างต่อเนื่องข้ามปี โดยตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในนกป่า 51 รัฐ ในสัตว์ปีกเลี้ยง 48 รัฐ และในฟาร์มโคนม 14 รัฐ
นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนก 14 รายใน 4 รัฐ ได้แก่ โคโลราโด มิชิแกน มิสซูรี และเท็กซัส โดยรายสุดท้ายรายงานเมื่อวันที่ 6 กันยายน จากรัฐมิสซูรี
ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต จากประวัติก่อนป่วยพบว่า ผู้ป่วยมีการสัมผัสสัตว์ปีก 9 ราย สัมผัสโคนม 4 ราย และไม่มีประวัติการสัมผัสสัตว์ใด 1 ราย จึงจำเป็นต้องศึกษาโอกาสการแพร่เชื้อจากคนสู่คนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเครือข่ายสุขภาพหนึ่งเดียวประเทศไทย (One Health) ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดนกมาอย่างต่อเนื่องและยกระดับมาตรการรับมือให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดนก H5N1 ติดต่อจากสัตว์มาสู่คนแต่ยังไม่พบว่า สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการสอบสวนผู้สัมผัสโรคคนหนึ่งในครอบครัวผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนก และบุคลากรทางการแพทย์ 6 คนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐมิสซูรีที่ผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดนกเข้ารับการรักษาเมื่อต้นเดือนกันยายน 2567
พบว่า บุคลากรทางการแพทย์กลุ่มนี้มีอาการของระบบทางเดินหายใจเล็กน้อย และส่วนใหญ่หายป่วยแล้ว เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งได้จากบุคลากรที่ป่วย 1 ราย แต่ตรวจไม่พบสารพันธุกรรมของไวรัส
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อเชื้อ H5N1 ที่ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (US CDC) เพื่อเป็นข้อมูลการสอบสวนสำหรับประเมินว่า มีโอกาสที่จะพัฒนาการติดต่อจากสัตว์สู่คน ไปเป็นคนสู่คนหรือไม่ ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
ขอให้ประชาชนไม่ต้องตระหนก เนื่องจากประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวังโรคทั้งในสัตว์และในคนที่เข้มแข็ง อีกทั้งไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกมานานกว่า 18 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ประเทศไทยทั้งหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพคนและสัตว์ ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แลกเปลี่ยนข้อมูลและฝึกซ้อมแผนร่วมกันแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่อง มีการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ภายใน 14 วัน หากมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง ประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือประวัติเสี่ยงต่าง ๆ
ส่วนประชาชนทั่วไป แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสัมผัสสัตว์และสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ ไม่นำมือที่เปื้อนมาสัมผัสใบหน้า จมูก ตาและปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจับต้องเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่เปื้อนมูลสัตว์
หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ใกล้บ้านทันทีเพื่อฝังกลบให้ถูกวิธี และห้ามนำซากสัตว์ปีกที่ป่วยตายมาปรุงอาหารเด็ดขาด