แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เปิดเผยว่า ช่วงนี้หลายจังหวัดในประเทศไทยประสบกับอุทกภัย คุณพ่อคุณแม่คงมีความกังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมและสอนให้เด็กรับรู้ถึงอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันทั้งโรคและภัยที่มากับน้ำได้
โดยคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจเพื่อให้ลูกยังคงมีสุขภาพที่ดีในช่วงเวลานี้ เมื่อเด็กๆไปโรงเรียน อาจเกิดการสัมผัสซึ่งกันและกัน ส่งผลติดต่อ และแพร่กระจายกันได้ง่ายมากขึ้น ความชื้นในฤดูฝนหรือการเกิดน้ำท่วมขัง อาจเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ เช่น โรคตาแดง โรคมือ เท้า ปาก โรคอุจจาระร่วง โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และโรคฉี่หนูได้ ควรหมั่นดูแลสุขอนามัยสม่ำเสมอ
นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมการแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคตาแดง โรคมือ- เท้า ปาก โรคอุจจาระร่วง โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และฉี่หนู ทั้งหมดนี้มีอาการแตกต่างกัน
อาการ คือ ตาแดง คันตา ปวดตา มีขี้ตามากผิดปกติ เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่เยื่อบุตา ติดต่อได้โดยการสัมผัสน้ำตาและขี้ตาของผู้ป่วย
อาการ คือ มีไข้ มีตุ่มอักเสบที่ ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม เป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส หรือ ผื่นนูน มักพบในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงกับน้ำลาย น้ำมูก ตุ่มพอง ของผู้ป่วย
อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ถ้าอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว โรคนี้เกิดจากการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน รวมถึงการจับของเล่นสกปรกเข้าปากของลูกน้อย
อาการไข้สูง หนาวสั่น ไอ จาม อ่อนเพลียและปวดกล้ามเนื้อ มักติดต่อกันได้ง่าย ผ่านลมหายใจ ไอ จาม และละอองน้ำมูก หรือติดต่อจากการใช้สิ่งของที่มีเชื้อของผู้ป่วย โดยเฉพาะในสถานที่ ที่มีคนแออัดมาก
อาการ มีไข้สูง พบผื่น จุดแดง ซึม อ่อนเพลีย ปวดท้องที่ชายโครง รวมถึงคลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งโรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค หากมีไข้สูง ไม่ทราบสาเหตุควรรีบพาพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาและมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
พบมากในหน้าฝนและในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งในคนและสัตว์ การติดเชื้อในคนมีสาเหตุมาจากการสัมผัสดิน น้ำ อาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของของสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น สุนัข วัว ควาย หนู สุกร ม้า หรือแม้กระทั่งสัตว์ป่าต่าง ๆ
ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มมีอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากรับเชื้อ และผู้ติดเชื้อก็มีหลายลักษณะอาการ ดังนี้ คือ อาการไข้สูง หนาวสั่นปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดหน้าท้อง ปวดต้นขา ปวดน่องเจ็บคอ เจ็บหน้าอกไอ คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดง เยื่อบุตาบวม มีผื่นต่อมน้ำเหลืองโต ตับโต ม้ามโต
ทั้งนี้ ผู้ปกครองสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูก เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพิ่มเติม การรับประทาน อาหารให้ครบ 5 หมู่ ผักผลไม้ เส้นใย ให้เพียงพอ ลดน้ำตาล ไขมัน ปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ สวมหน้ากากอนามัยในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป
หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด การสัมผัสและคลุกคลีกับผู้ป่วย มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงมีการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หากพบลูกมีอาการผิดปกติ แนะนำให้พามาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป