นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform" ของกระทรวงสาธารณสุขและสภากาชาดไทย ในครั้งนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับกับนโยบายของสาธารณสุขที่มุ่งเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการผ่านระบบดิจิทัลด้วยการเชื่อมโยงระบบข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสุขภาพประชาชนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลการรักษาพยาบาล การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล และการนัดหมายออนไลน์ เป็นต้น
ถือเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข ระหว่าง Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข และ การบริจาคดวงตาและอวัยวะ ของสภากาชาดไทย บน LINE Official Account และ Application หมอพร้อม ให้เป็นช่องทางที่ประชาชนสามารถแจ้งความจำนงการบริจาคดวงตาและอวัยวะ และตรวจสอบข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยตนเอง
ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่จะช่วยเพิ่มโอกาสและคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อให้สามารถมีชีวิตต่อไปได้
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในการพัฒนาต่อยอดการบริจาคดวงตาและอวัยวะผ่าน Line OA หมอพร้อมในครั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการบริจาคดวงตาและอวัยวะ สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนให้สามารถตัดสินใจเรื่องการบริจาคได้อย่างสบายใจมากขึ้น
เพิ่มความหวังให้ผู้ป่วยที่กำลังรอโอกาส และขอเชิญชวนทุกคนร่วมแสดงความจำนงบริจาคดวงตาและอวัยวะเพื่อเป็นผู้ให้ ช่วยต่อชีวิตและต่อลมหายใจแก่ผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ความร่วมมือนี้เป็นการยกระดับรูปแบบการรับบริจาคดวงตาและอวัยวะ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทันสมัย เป็นมิติใหม่ให้ทุกคนสามารถแสดงความจำนงการบริจาคของตนเองได้และตรวจสอบข้อมูลการบริจาคได้ผ่านช่องทางเดียวกัน
โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นความลับภายใต้ระบบการบริหารจัดการข้อมูลที่มีระดับความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้การบริจาคดวงตาและอวัยวะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้นเท่านั้นแต่ยังช่วยให้สามารถให้บริการและดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม ทันเวลา เป็นประโยชน์อย่างมากในการวางแผนและพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณสุขในอนาคต
ด้านนายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอกระจกตาและอวัยวะกับสภากาชาดไทยอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งความร่วมมือระหว่าง สภากาชาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่มีจิตกุศลได้แสดงความจำนงบริจาคดวงตาและอวัยวะสะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจสอบสถานะการแสดงความจำนงบริจาคของผู้ป่วยที่เสียชีวิตและแจ้งแก่ญาติ เพื่อให้การบริจาคสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและตรงตามเจตจำนง ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายกระจกตาและอวัยวะได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสภากาชาดไทย ระบุว่า มีผู้ป่วยรอคอยดวงตาและอวัยวะประมาณ 18,000 รายแต่ได้รับการปลูกถ่ายดวงตาเฉลี่ยปีละ 1,000 ดวงตาและปลูกถ่ายอวัยวะเฉลี่ยเพียงปีละ 300 รายเท่านั้น